เนื้อหาวันที่ : 2009-03-25 15:08:16 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1957 views

การจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนระบบการจัดเก็บข้อมูลในปี 2552

แม้ว่าเราจะยังคงเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่องในปี 2552 แต่อัตราการเติบโตและความต้องการใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที กำลังเผชิญกับปัญหาด้านงบประมาณที่บีบรัดอันเนื่องมาจากจำนวนเงินทุนที่น้อยมาก ทำให้พวกเขาแทบไม่สามารถจัดซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ การลงทุนในเรื่องใดๆ จำเป็นต้องทำให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด

บทความโดย ฮิว โยชิดะ รองประธาน และซีทีโอ (CTO) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์

.

มร.ฮิว โยชิดะ รองประธาน และซีทีโอ (CTO) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์

..

แม้ว่าเราจะยังคงเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่องในปี 2552 แต่อัตราการเติบโตและความต้องการใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) กำลังเผชิญกับปัญหาด้านงบประมาณที่บีบรัดอันเนื่องมาจากจำนวนเงินทุนที่น้อยมาก ทำให้พวกเขาแทบไม่สามารถจัดซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ การลงทุนในเรื่องใดๆ จำเป็นต้องทำให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด  

.

ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเลือกโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลที่สามารถตอบสนองความต้องการของตนได้ดีที่สุดพร้อมทั้งให้ผลตอบแทนการลงทุนและผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ได้อย่างรวดเร็ว ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะต้องยึดมั่นต่อข้อกำหนดพื้นฐานและให้ความสำคัญกับอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ตลอดจนความสามารถที่จะทำให้ได้จุดคุ้มทุนที่เร็วที่สุด

.
ต่อไปนี้คือลำดับความสำคัญในการลงทุนด้านระบบจัดเก็บข้อมูลในปี 2552 สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที:

บริการระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริง (Virtualized Storage Services): สิ่งหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีควรคำนึงถึงในปี 2552 คือ ระบบเสมือนจริงของระบบจัดเก็บข้อมูลภายนอก โดยการเลือกใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงและรวมเข้ากับชั้นจัดเก็บข้อมูลที่มีมูลค่าต่ำกว่า   ตลอดจนจัดสรรพื้นที่ของระบบจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ (thin provisioning)

.

จะเห็นได้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีต้องรับมือกับจำนวนข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นขณะเดียวกันก็จะต้องทำให้การลงทุนปัจจุบันเกิดความคุ้มค่าสูงสุดด้วยการคืนทุนอย่างรวดเร็ว ระบบจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากที่มีการใช้งานอยู่ในปัจจุบันมักจะมีความจุที่มากพออยู่แล้ว ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีการใช้ประโยชน์จริงจากระบบจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเพียง 20-30%  เท่านั้น ระบบเสมือนจริงจะช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์ของระบบจัดเก็บข้อมูลได้

.

เก็บข้อมูลแบบถาวรสำหรับการเติบโตของข้อมูลแบบไม่เป็นระเบียบ (Archiving for unstructured data growth) : การเพิ่มจำนวนของข้อมูลและการจัดการกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบยังคงเป็นงานที่ยุ่งยากในปี 2552 ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะเริ่มเห็นว่าที่เก็บข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสูงสุด เนื่องจากปัญหาด้านการกระจัดกระจายของข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลได้นั้นถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ การจัดเก็บข้อมูลเป็นชั้นและการเคลื่อนย้ายไปยังระบบจัดเก็บข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงตามนโยบายองค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้

.

โซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบแอคทีฟจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นสำหรับแนวคิดการจัดการข้อมูลขององค์กร และหลายองค์กรจะย้ายระบบจัดเก็บข้อมูลชั้นสองของตนไปยังชั้นของที่จัดเก็บนี้ ลูกค้าจึงต้องการโซลูชั่นที่ทำให้การจัดการในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องง่าย ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม (TCO) และลดความเสี่ยงได้

.

.

การลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล(Data de-duplication):  นับเป็นเงื่อนไขสำคัญของตลาดในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าบริษัทต่างๆ จะต้องการให้ได้งานมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง และมาตรการใดๆ ก็ตามที่สามารถช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพได้จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ ตัวอย่างเช่น การสำรองข้อมูลลงในดิสก์และการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลถือเป็นส่วนสำคัญที่ลูกค้าจะสามารถประหยัดเงินได้ด้วยการลดจำนวนข้อมูลและ  ลดเวลาในการสำรองข้อมูลลง ทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการได้ (OPEX)

.

การบรรเทาความเสี่ยง (Risk Mitigation):  มักจะมีการให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเสี่ยงเมื่อมีการจัดทำศูนย์ข้อมูลและนำระบบจัดเก็บข้อมูลมาใช้ อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆ กำลังหันมาให้ความสนใจและเกิดความต้องการโซลูชั่นที่จะช่วยพวกเขาให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและระบบปรับอากาศได้มากขึ้น

.

เช่นเดียวกับโซลูชั่นที่ให้ผลตอบแทนโดยรวมเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีอยู่และให้ผลตอบแทนด้านการลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2552 บริษัทต่างๆ จะมองหาโซลูชั่นและบริการด้านการจัดเก็บข้อมูลที่จะช่วยให้องค์กรสามารถเก็บรักษาและค้นหาข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ไฟฟ้าและระบบปรับอากาศ (Power and cooling): แม้ว่าต้นทุนด้านพลังงานในปัจจุบันจะไม่ได้สูงมากเหมือนก่อนและการให้ความสำคัญกับต้นทุนด้านไฟฟ้าและระบบปรับอากาศจะไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดอีกต่อไป แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะต้องตระหนักว่าทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ความต้องการศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green and Clean Data Center) จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

.

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแรงกดดันในด้านพลังงานสำหรับปี 2552 จะลงแต่ก็ควรมีการเตรียมแผนรับมือหรือตั้งรับมากกว่าจะคอยตามแก้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง จะเห็นได้ว่ากำลังมีการออกกฎข้อบังคับต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ขณะที่ในสหรัฐก็ได้ออกข้อกำหนดด้านการจัดซื้อที่เข้มงวดขึ้นแล้ว

.

ดังนั้น ในทุกมาตรการที่องค์กรต่างๆ ดำเนินการ ตั้งแต่การปรับปรุงประสิทธิภาพในศูนย์ข้อมูล ปรับปรุงความต้องการด้านไฟฟ้าและระบบปรับอากาศ และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น จะทำให้ศูนย์ข้อมูลมีประสิทธิภาพในด้านการใช้พลังงานมากขึ้นและถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนรับมือกับปีต่างๆ ที่กำลังจะมาถึงได้