บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT หนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านออกแบบและผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของไทย เปิดเผยว่า ในขณะนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะเพิ่มศักยภาพในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ถึง 300 MVA แรงดันไฟฟ้า 230 kV ภายหลังจากได้รับใบรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT หนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านออกแบบและผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของไทย เปิดเผยว่า ในขณะนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะเพิ่มศักยภาพในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ถึง 300 MVA แรงดันไฟฟ้า 230 kV |
. |
ภายหลังจากได้รับใบรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการคนไทยเพียงรายเดียวที่ผลิตได้ เนื่องจากต้องมีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีชั้นสูง ส่งผลให้บริษัทมีความพร้อมที่จะรับงานทั้งในและต่างประเทศ โดยจะใช้เงินสำหรับการลงทุนด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีประมาณ 50 ล้านบาท เป็นเงินจากไอพีโอเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 30 ล้านบาท ที่เหลือมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และจะเริ่มทยอยการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 |
. |
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นบริษัทฯจะเข้าไปรับงานกฟผ.ซึ่งมีความต้องการใช้จำนวน 10 เครื่อง มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีแรกจะผลิตให้ประมาณ 1-2 เครื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100-200 ล้านบาท บริษัทฯมีเป้าหมายคือการขยายกำลังการผลิตในหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาด 300 MVA ซึ่งเป็นตลาดระดับบนที่กฟผ. ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ประเทศในแถบเอเชีย อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน ศรีลังกา ที่มีกำลังการผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่ไม่เพียงพอ หรือยังผลิตเองไม่ได้ ก็เป็นช่องทางที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาดเพิ่มมากขึ้นได้ นายสัมพันธ์กล่าว |
. |
นายสัมพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการรับงานว่า บริษัทได้รับงานเพิ่มในส่วนของลูกค้าเอกชนซึ่งมาจากการประมูลผ่านผู้รับเหมาโครงการและเจ้าของโครงการโดยตรง คิดเป็นมูลค่า 164 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะรับรู้รายได้ในช่วง ไตรมาส1-2 ของปี 2550 ได้แก่ โครงการสร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตของบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โครงการสร้างโรงงานใหม่ของบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด (PTTUT) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบมจ.ปตท.และบริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ในเครือปูนซีเมนต์ไทย‘“งานที่มีเข้ามาในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี จะเป็นการรับรู้รายได้ในปี 2550 เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีงานอยู่ในมือ (Backlog) แล้วมากกว่า 1,700 ล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปี 2549 นี้ และส่วนหนึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2550” นายสัมพันธ์ กล่าวในที่สุด |