นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงถึงกรณีการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันย่ำแย่กว่าที่หลายฝ่ายประมาณการณ์ไว้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก |
. |
ดังนั้น รัฐบาลต้องเตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ 2 จำเป็นต้องอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 70,000 ล้านบาท |
. |
เพื่อนำมาใช้ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 หรือประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวจะมารับกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อช่วงครึ่งปีแรก |
. |
นายอภิสิทธิ์ ยังชี้แจงถึงสาเหตุที่รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินทุกจากต่างประเทศเพิ่มเติมแม้เงินสำรองในประเทศปัจจุบันจะมีจำนวนมากกว่าหนี้ต่างประเทศหลายเท่าตัว แต่ตามกฎหมายไม่สามารถนำเงินสำรองมาใช้จ่ายได้ โดยยืนยันว่าสถานะทางการเงินและเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยยังไม่มีปัญหา |
. |
ขณะเดียวกันหลายฝ่ายเกรงว่าการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้จะมีการติดตามตัวเลขหนี้สาธารณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 38 ของรายได้ประชาชาติ เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะสูงขึ้นเกือบร้อยละ 50 แต่ก็ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น่าตกใจเพราะหลายประเทศมีปัญหาเช่นกัน โดยยันยันว่าการกู้เงินดังกล่าวจะไม่ให้กระทบกับวินัยทางการเงินการคลังของไทย |