ถ่านหินทำลายสร้างความเสียหายให้กับโลกและสุขภาพของพวกเราอาจเป็นคำกล่าวที่น้อยกว่าความเป็นจริงในศตวรรษนี้ การทำเหมืองยังคงเดินหน้าเผาไหม้ถ่านหินต่อ "ต้นทุนผลกระทบภายนอก" จากถ่านหินที่แสดงออกมาในรูปแบบ การทำลายป่า โรคระบบทางเดินหายใจ อุบัติเหตุในเหมือง ฝนกรด หมอกควันพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสียหายจากผู้ก่อ แต่ทุกคนในโลกต้องเป็นผู้ชดใช้
คำกล่าวที่ว่าถ่านหินทำลายและสร้างความเสียหายให้กับโลกและสุขภาพของพวกเราอาจเป็นคำกล่าวที่น้อยกว่าความเป็นจริงในศตวรรษนี้ ถึงกระนั้นก็ตามเรายังคงเดินหน้าทำเหมืองและเผาไหม้ถ่านหินต่อไป โดยเพิกเฉยกับ "ต้นทุนผลกระทบภายนอก" จากถ่านหินที่แสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การทำลายป่า โรคระบบทางเดินหายใจ อุบัติเหตุในเหมือง ฝนกรด หมอกควันพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมถ่านหินไม่ได้เป็นผู้ชดใช้ความเสียหายที่ตนเองเป็นผู้ก่อ แต่โลกในภาพรวมเป็นผู้ต้องชดใช้
ต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหิน คือต้นทุนที่รายงานฉบับนี้เปิดเผยโดยการคำนวณผลกระทบทั่วโลกออกมาเป็นปริมาณค่าใช้จ่ายทางการเงินในส่วนที่คำนวณได้ และแสดงให้เห็นเบื้องต้นว่าการใช้ถ่านหินสร้างภาระหนักอึ้งให้กับประชาชนและโลกใบนี้อย่างไร
ถ่านหินเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อสภาพภูมิอากาศโลก
ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่สกปรกไม่ว่าจะจะทำความสะอาดโดยวิธีทางกายภาพ การทำให้เป็นก๊าซ การกำจัดซัลเฟอร์ออกไซด์โดยใช้น้ำเป็นตัวจับ หรือการดักจับและฝังกลบ ก็ไม่สามารถทำให้ถ่านหินสะอาดได้ ถ่านหินเป็นตัวการหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ ก๊าซคาร์บอนไดออกไปซต์ 11 พันล้านตันทั่วโลกมาจากการผลิตพลังงานจากถ่านหินในทุก ๆ ปี
ใน พ.ศ. 2548 ถ่านหินปล่อยคาร์บอนไดออกไซคต์ประมาณ 41% ของเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด หากแผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ๆ ได้รับอนุมัติ ถ่านหินจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์เพิ่มขึ้น 60% ภายใน พ.ศ. 2573
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด และเป็นความท้าทายด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยประสบ ประชาชนหลายล้านคนกำลังเผชิญกับผลกระทบต่างๆ ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภมิอากาศ และทุกๆ ปีประชาชนประมาณ 150,000 คนเสียชีวิตจากผลกระทบเหล่านั้น หากเราต้องการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งได้แก่ ภัยแล้งในบริเวณกว้าง น้ำท่วม และการพลัดถิ่นของประชากรจำนวนมหาศาลเพราะระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เราต้องรักษาอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้อยู่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส (เมื่อเทียบกับระดับในยุคก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม) คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุไว้ในรายงานการประเมินบับที่ 4 ว่าหากต้องการบรรลุสิ่งนี้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ต้องถึงจุดสูงสุดอย่างช้าที่สุดภายใน พ.ศ. 2558
ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซต์มากที่สุด ดังนั้น วิธีการที่เราจัดการกับถ่านหินในไม่กี่ปีที่กำลังจะมาถึงจะเป็นตัวชี้ขาดว่าเราจะสามารถรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้เพียงพอหรือไม่ ประเด็นอันเร่งด่วนนี้ไม่ควรถูกเน้นย้ำน้อยเกินไป อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า "เราได้ดำเนินมาถึงจุดที่เต้องเริ่มวิธีการอารยะขัดขืน เพื่อป้องกันการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ ๆ" โรงไฟฟ้าหนึ่งแห่งที่ถูกสร้างในวันนี้จะปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซต์เป็นเวลาอย่างน้อย 40 ปีข้างหน้า
ในภาคพลังงานนนั้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าครั้งใหม่ที่สุดที่โลกเคยประสบมาใน 2 ทศวรรษข้างหน้า โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ดำเนินการอยู่จะถูกปิดลงก่อนเวลาอันควรการตัดสินใจจของประเทศและหน่วยงานด้านพลังงานต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงนี้ จะเป็นตัวตัดสินอุปทานพลังงานสำหรับคนรุ่นต่อไป
การดัดแปลงเทคโนโลยีที่กำลังถูกผลักดันอย่างแข็งขัน เช่น การดักจับและฝังกลบ (CCS) ซึ่งได้รับการอ้างว่าจะทำให้ถ่านหินสะอาดและปลอดภัยสำหรับสภาพภูมิอากาศนั้น เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจในขณะที่โลกกำลังแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ สิ่งที่จะป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากศที่รุนแรงถึงขั้นหายนะก็คือ การเลิกใช้ถ่านหิน การเพิ่มการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการผลิตพลังงานหมุนเวียน
ต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหิน
ถึงแม้ว่าถ่านหินจะได้รับการยอมรับกันว่าเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกที่สุด แต่ราคาในตลาดทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อผลกระทบที่รุนแรงที่สุดบางข้อ อันตรายที่เกิดจากเหมืองถ่านหินและการเผาไหม้ถ่านหินไม่ได้แสดงออกมาในรูปราคาต่อถ่านหิน 1 ตัน หรือราคาต่อไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์ ถึงกระนั้นก็ตาม โลกในภาพรวมต้องชดใช้อันตรายเหล่านั้น
การวิเคราะห์ขั้นต้นของกรีนพีซเกี่ยวกับต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหิน ซึ่งดำเนินการโดย CE Delft สถาบันการวิจัยแห่งเนเธอแลนด์ ระบุว่าความเสียหายอันเนื่องมาจากบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับถ่านหิน มีมูลค่าอย่างน้อย 354 พันล้านยูโร (16 ล้านล้านบาท) ใน พ.ศ.2550 ตัวเลขนี้มาจากการประมาณการต้นทุนผลกระทบภายนอกใน พ.ศ.2550 สำหรับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพมนุษย์และการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงในเหมืองถ่านหิน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากถ่านหิน แต่การประมาณค่าใช้จ่ายจากความเสียหายอย่างต่ำ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนใหญ่เป็นตัวเลขของทั่วโลก แต่อยู่บนพื้นฐานของค่าใช้จ่ายของการป้องกันการปล่อยคาร์บอนได้ออกไซต์ออกสู่บรรยากาศ (ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 20 ยูโร (900 บาท) ต่อคาร์บอนไดออกไซต์ 1 ตัน)
ดังนั้นจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างต่ำที่สุดที่สังคมต้องแบกรับ แต่หากเราพิจารณาค่าใช้จ่ายที่แท้จริงตากความเสียหาย จะพบว่า อันตรายทั้งหมดที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซต์จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ 3 เท่า ซึ่งการคำนวณนี้ตั้งอยู่บนการประมาณการค่าใช้จ่ายทางสังคมของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ 66 ยูโร (3,000 บาท หรือ 85 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อคาร์บอนไดออกไซต์ 1 ตัน ตัวเลขนี้คำนวณโดยนักเศรษฐศาสตร์ คือสเติร์น ในพ.ศ. 2550
ในขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินถูกสร้างมากขึ้น ต้นทุนผลกระทบภายนอกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากตามไปด้วย เรากำลังพูดถึงตัวเลขมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ถ่านหิน สเติร์นกล่าวว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้ปัญหาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจขึ้นสูงถึง 5% และ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชติทั่วโลกภายใน พ.ศ.2643
หากต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหินที่รัฐบาลและประชาชนทั่วโลกต้องแบกรับถูกคำนวฯออกมาเป็นราคาถ่านหินในตลาด ความเป็นไปได้ในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมากขึ้นจะแตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบของถ่านหิน
เมื่อคำนวณต้นทุนที่แท้จริงของถ่านหิน เราจะสามารถประเมินความเสียหายส่วนใหญ่ได้ เช่น ค่าใช้จ่ายของการรักษาทางการแพทย์ อันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอุบัติเหตุในเหมืองถ่านหิน โดยประเมินออกมาเป็นความเสียหายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนวณค่าใช้จ่ายของทุกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนวณความเสียหายทางวิ่งแวดล้อมทุกกรณี เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนวณการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนที่คนงานเป็นผู้ทุกข์ทรมานในอุตสาหกรรมถ่านหินออกมาเป็นตัวเลข เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดค่าของชุมชนที่มองดูวัฒนธรรมของพวกเขาเสื่อมถอยออกมาเป็นราคา
เรื่องราวในรายงานฉบับนี้บอกเล่าโดยผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากถ่านหินและหยิบยกประเด็นต่างๆ ที่ไม่สามารถประเมินเป้นตัวเลขได้ พวกเขาทั้งหมดมากจกาประเทศที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษจากถ่านหิน เรื่องรางทั้งหมดแสดงถึงผลกระทบในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตถ่านหิน ตั้งแต่การทำเหมืองไปถึงการเผาไหม้ รวมถึงความสกปรกอันเป็นอมตะของถ่านหิน
ในประเทศโคลัมเบีย ชุมชนชาวพื้นเมืองถูกคุกคามและถูกบังคับให้ออกจากที่ดินของตน เพื่อใช้สร้างเหมืองถ่านหิน หลายพันคนในจาเรีย อินเดียทุกข์ทรมานจากสภาพความเป็นอยู่ที่น่าหวาดกลัว เพราะไฟไหม้ในเหมืองที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในรัสเซียสภาพความไม่ปลอดภัยของเหมืองทำให้คนงานจำนวนมากบาดเจ็บและเสียชีวิต
ในประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย จีน และไทย มลพิษทางอากาศจากการเผาไหม้ถ่านหินกำลังทำลายชีวิตความเป็นอยู่ โบราณวัตถุเก่าแก่ ลดผลผลิตของพืชผลและคร่าชีวิตผู้คน ความเลวร้ายอันเป็นอมตะของเหมืองถ่านหินจะทำให้ผืนดินในแอฟริกาใต้ได้รับสารพิษจากการรั่วซึมของกรดในเหมืองหลังจากที่เหมืองหลังจากที่เหมืองถูกปิดไปนานแล้ว
ในขณะที่ในภูมิภาคคูยาเวีย-โปเมอราเนียในโปแลนด์นั้น การทำเหมืองถ่านหินทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบออสโตรวสกี้ลดลงอย่างมาก ในสหรัฐอเมริกา การทำเหมืองถ่านหินหมายถึงการระเบิดภูเขา การฝังกลบลำธารและทำให้ชุมชนใกล้เคียงถูกปนเปื้อนด้วยสารพิษ ในเยอรมนี การปรับพื้นที่เพื่อการทำเหมืองแบบเปิดหน้าดินทำให้ทะเลสาบหลายแห่งถูกทำลาย ดดยน้ำกลายสภาพเป็นกรดไม่ต่างจากน้ำส้มสายชู
อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับความเสียหายและอันตรายที่มีสาเหตุจากถ่านหินที่ยังไม่ได้รับการบรรเทา ชุมชนต่างๆ กำลังลุกขึ้นสู้ ในออสเตรเลีย คนทำไวน์ ผู้ผสมพันธุ์ม้า คนในท้องถิ่น และคนงานเหมืองกำลังลุกขึ้นปฏิเสธการขยายตัวของเหมืองถ่านหิน และยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน
ในฟิลิปปินส์ กลุ่มคนที่หลากหลายได้รวมตัวเป็นหนึ่งเพื่อคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ โดยเรียกร้องให้พัฒนาพลังงานสะอาด เรื่องราวเช่นนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ความหวัง และชี้นำทิศทางไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น อนาคตที่ไม่ถูกทำลายด้วยถ่านหินสกปรก แต่ถูกเติมพลังด้วยแหล่งพลังงานที่ปลอดภัย ยั่งยืนและสามารถปกป้องสภาพภูมิอากาศของพวกเรา
ทิ้งถ่านหินไว้เบื้องหลัง
เรามีทางเลือกอื่นๆ นอกจากถ่านหิน ทางเลือกที่สร้างความมั่งคงทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน รายงานเรื่องการปฏิวัติพลังงานเป็นแผนการอย่างละเอียดที่นำไปปฏิบัติได้จริงที่แสดงว่าพลังงานหมุนเวียนเมื่อรวมกันกับประสิทธิภาพทางพลังงาน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์จากเชื้อเพลิงฟอสซิลลงได้ 50% ภายใน พ.ศ. 2593
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้ เราจำเป็นต้องทำให้การปฏิบัติพลังงานเป็นจริงขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากแผนการนี้ระบุถึงการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการลงทุนในระบบพลังงานหมุนเวียนและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายทศวรรษทำให้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนอยู่ในความสนใจ นั่นคือ เทคโนโลยีเช่น กังหันลม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล และผลิตภัณฑ์ผลิดตความร้อนจากแสงอาทิตย์
นอกจากนี้ตลาดพลังงานหมุนเวียนกำลังเติบโตอย่างมาก โดยใน พ.ศ.2550 การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกมีมูลค่าเกิน 3.5 ล้านล้านบาท ในขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะลดการบริโภคพลังงานของพวกเราโดยยังให้ “บริการ” ด้านพลังงานต่างๆ ในปริมาณเท่าเดิม
อย่างไรก็ตามเหลือเวลาอีกไม่นานนักในการเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน หากต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซต์ อุตสาหกรรมและหน่วยงานด้านพลังงานจำเป็นต้องรับผิดชอบในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เพราะการตัดสินใจด้านการลงทุนในวันนี้จะกำนหดอุปทานพลังงานในยุคต่อไป
นักการเมืองจากประเทศที่พัมนาแล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านพลังงานอย่างเร่งด่วน ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาควรเรียนรู้จากความผิดพลาดของประเทศที่พัฒนาแล้ว และหันมาลงทุนในพลังงานหมุนเวียนแทนพลังงานสกปรกเพื่อสร้างเศรษฐกิจบนรากฐานอันแข็งแกร่งแห่งพลังงานอันยั่งยื
การทิ้งถ่านหินไว้เบื้องหลังเป็นวิธีก้าวไปข้างหน้าวิธีเดียว โลกไม่สามารถดำรงอยู่โดยมีถ่านหินได้อีกต่อไป เพราะถ่านหินสร้างภาระหนักอึ้งให้กับสภาพภูมิอากาศโลกและพวกเรามากเกินไป ถ่านหินอาจเคยเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่เวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เราต้องสร้างการปฏิวัติในรูปแบบใหม่ การปฏิวัติที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานอัยั่งยืนที่สะอาดที่จะช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศ สุขภาพและสิ่งแวดล้อมของพวกเราและของคนรุ่นต่อๆ ไป
ที่มา : กรีนพีช