อังกฤษเผชิญกับตัวเลขว่างงานที่สูงขึ้น หลังลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เล็งลดจำนวนพนักงานและปิดธนาคารสาขาบางแห่ง เพื่อพยุงสถานะของธนาคารให้สามารถทำกำไรได้
ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เล็งลดจำนวนพนักงานและปิดธนาคารสาขาบางแห่ง เพื่อพยุงสถานะของธนาคารให้สามารถทำกำไรได้ ส่งผลให้อังกฤษต้องเผชิญกับตัวเลขว่างงานที่สูงขึ้น แม้ว่า รัฐบาลอังกฤษจะเข้าถือหุ้นใหญ่ในธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพื่อแลกเปลี่ยนกับการรับประกันสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง |
. |
เอริค แดเนียล ซีอีโอ ต้องการลดต้นทุน เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการตามเป้าหมายในการชำระหนี้คืนให้ได้ภายในปี 2554 หลังจากที่ธนาคารได้นำสินทรัพย์มูลค่า 2.60 แสนล้านปอนด์ หรือ 3.67 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่โครงการรับประกัน และเปิดทางให้รัฐบาลเข้าถือหุ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นจนอาจสูงถึง 75% |
. |
เจน คอฟฟี่ เจ้าหน้าที่ของโรยัล ลอนดอน แอสเส็ท เมเนจเมนท์ กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปล่อยให้แบงค์ปลดพนักงานและปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้ธนาคารสามารถทำกำไรได้ ซึ่งดีกว่าที่จะปล่อยให้แบงค์มีภาระจนไม่สามารถทำกำไรได้ |
. |
บลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษได้อนุมัติให้มีการควบรวมกิจการระหว่างลอยด์ และเอชบีโอเอส ส่งให้เกิดธนาคารใหญ่ที่มีสาขาถึง 3,300 แห่ง พนักงาน 140,000 คน และยังมีสัดส่วนในตลาดปล่อยกู้เพื่อการจำนองในอังกฤษถึง 28% ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เอชบีโอเอสล้มละลาย ลอยด์คาดว่า การลดบริการที่ซ้ำซ้อนและลดการจ้างงานจะทำให้ธนาคารมีเงินเข้ามาสูงกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ภายในปี 2554 |
. |
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะทำให้ธนาคารที่ตกอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลมีปัญหาด้านการเมืองเนื่องจากตัวเลขว่างงานพุ่งสูงขึ้น ในเดือนม.ค.มีพนักงานที่ขอรับสวัสดิการจากการว่างงานเพิ่มขึ้น 73,800 ราย แตะ 1.23 ล้านราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราว่างงานในช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้น 6.3% จากระดับไตรมาส 3 ที่ 5.8% |