เนื้อหาวันที่ : 2009-03-03 09:12:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2243 views

อังกฤษ ถูกเปิดโปง หลังผลักขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปทิ้งที่ไนจีเรีย

กรีนพีซติดตามการลักลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดกฏหมายไปยังประเทศกำลังพัฒนา พบว่าประเทศอังกฤษแอบลักลอบส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกรวบรวมเพื่อการรีไซเคิลไปยังประเทศไนจีเรีย โดยใช้วิธีบิดเบือนแจ้งเป็นสินค้ามือสอง ทั้งนี้ประเทศไนจีเรียเป็นอีกหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นจุดหมายปลายทางของการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศพัฒนาแล้ว


กรีนพีซติดตามการลักลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดกฏหมายไปยังประเทศกำลังพัฒนา พบว่าประเทศอังกฤษแอบลักลอบส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกรวบรวมเพื่อการรีไซเคิลไปยังประเทศไนจีเรีย โดยใช้วิธีบิดเบือนแจ้งเป็นสินค้ามือสอง ทั้งนี้ประเทศไนจีเรียเป็นอีกหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นจุดหมายปลายทางของการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศพัฒนาแล้ว

ในประเทศอังกฤษ กรีนพีซได้ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัดในขยะอิเล็กทรอนิกส์ประเภทโทรทัศน์เพื่อติดตามเส้นทางการเคลื่อนย้ายและจุดหมายปลายทางของขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแทนที่ขยะจะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนและรีไซเคิลอย่างถูกวิธีในประเทศตามที่กฏหมายได้ระบุไว้ แต่ขยะดังกล่าวกลับถูกส่งต่อไปยังประเทศไนจีเรียโดยแจ้งว่าเป็นสินค้ามือสอง ทั้งนี้ การลักลอบส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ชำรุดเป็นสิ่งผิดกฎหมายของสหภาพยุโรป (3)

การที่ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไม่รับผิดชอบในการรับซากผลิตภัณฑ์ของตนกลับไปรีไซเคิลนั้นเป็นการส่งเสริมให้เกิดการส่งออกขยะอันตรายหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์จากยุโรปไปยังประเทศกำลังพัฒนา และส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในประเทศนั้นๆ (1)

"ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สามารถช่วยหยุดการลักลอบส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนให้ปลอดจากสารพิษอันตราย และที่สำคัญคือรับผิดชอบในการรวบรวมเพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยช่วยหยุดการขยายตัวของสถานที่ทิ้งขยะ ที่ส่งผลกระทบในประเทศที่กำลังพัฒนา" มาร์ติน โฮจซิค ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซสากลกล่าว (2)

ปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จึงตกอยู่กับกลุ่มคนจนในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งในหลายกรณีมักเป็นเด็ก ซึ่งต้องแยกชิ้นส่วนหน้าจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเกม และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ โดยปราศจากความรู้และมาตรการป้องกันความปลอดภัย จึงได้รับสารพิษอันตราย อาทิ ปรอท ที่ส่งผลทำลายสมอง สารตะกั่ว ที่ทำลายระบบสืบพันธุ์ และแคดเมียม ที่ส่งผลกระทบต่อไต เป็นต้น

สินค้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มือสองถูกส่งออกจากสหภาพยุโรปไปยังแอฟริกาทุกวัน แม้ว่าจะมีกฎหมายห้ามการส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไป มีทั้งอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และสามารถนำกลับมาซ่อมได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเสื่อมสภาพ และในที่สุดถูกนำไปทิ้งในประเทศที่ยังไม่มีระบบการรีไซเคิลที่ปลอดภัย จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี มักจะนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปทิ้งในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไนจีเรีย กาน่า ปากีสถาน อินเดีย และ จีน

เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ควรรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเมื่อหมดอายุการใช้งาน โดยการรับคืนกลับ รวมทั้งยุติการใช้สารเคมีอันตรายในการผลิต ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการรีไซเคิลและเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการ
 
(1) ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในประเภทของขยะอันตราย ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของขยะอิเล็กทรอนิกส์มาจากยุโรป และส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี

(2) แม้ว่าบริษัทที่ชี้แจงว่ามีนโยบายการรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตนกลับคืน เพื่อนำไปรีไซเคิล การคำนวณสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ผลิตต่างๆ ในอดีต เทียบกับซากผลิตภัณฑ์ที่รวบรวมได้ พบว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึงร้อยละ 91 หายไปจากระบบ จากข้อมูลของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ 4 ราย ในปี 2549 และ 2550 มีเพียงร้อยละ 10 ของคอมพิวเตอร์ที่หมดอายุการใช้งานถูกนำไปรีไซเคิล และโทรศัพท์มือถือร้อยละ 2-3 เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.greenpeace.org/seasia/th/press/reports/e-waste-report-full

(3) โทรทัศน์ที่กรีนพีซติดตามการขนย้ายนั้น ส่วนใหญ่จะชำรุด แตกหัก ไม่สามารถนำกลับมาซ่อมได้ จึงถือว่าจัดอยู่ในประเภทขยะ ทั้งนี้ ส่วนประกอบของโทรทัศน์เช่น จอภาพแบบ CRT มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบ จึงควรจัดอยู่ในกลุ่มขยะอันตราย (บัญชี A1180 ของภาคผนวก V ส่วนที่ 1 ในบัญชี A ของกฎหมายสหภาพยุโรป ระเบียบ Council Regulation (EC) ที่ 1013/2549 เรื่องการขนย้ายขยะอันตรายข้ามเขตแดน) และในหัวข้อที่ 36.1 (a) ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามส่งออกขยะอันตรายไปยังประเทศกำลังพัฒนาซึ่ง รวมถึงไนจีเรีย