เอสโซ่ออกปากยังไม่ชัดลงทุนปรับโรงกลั่นมาตรฐานยูโร 4 หลังยื่นหนังสือถึง กระทรวงพลังงานขอเลื่อนเวลาปรับใช้มาตรฐานดังกล่าวออกไป 1-2 ปี ยังไม่สรุปหลังคุยมาเป็นเดือน แต่ลึกๆ แล้วเตรียมพร้อมลงทุน 5,000 ล้านบาทใช้ปรับมาตรฐานได้ทันทีกลางปีนี้ แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 รายได้วูบค่าการกลั่นติดลบ 11.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนที่ ค่าการกลั่นอยู่ที่ 6.7 เหรียสหรัฐ/บาร์เรล

ก่อนหน้านี้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เช่น บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการ กลั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน เพื่อขอเลื่อนระยะเวลาการใช้ มาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ออกไป 1-2 ปี จากเดิมที่กฎหมายกำหนด ไว้ว่าทุกโรงกลั่นต้องใช้มาตรฐานดังกล่าวภายในปี 2555

แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อยุติแต่ อย่างใด เนื่องจากยังต้องรอการพิจารณาของกรมควบคุมมลพิษ ส่งผลให้ปัจจุบันมีเพียงโรงกลั่นของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กับโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เท่านั้นที่สามารถใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ได้

ล่าสุดบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อจัดทำมาตรฐานน้ำมัน ยูโร 4 เป็นรายล่าสุด โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาทไว้ใช้ใน โครงการปรับปรุงคุณภาพโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ณ โรงกลั่นศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 177,000 บาร์เรล/วัน

เป็นไปตามที่กระทรวงพลังงานกำหนดว่า โรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศทุกโรงจะต้องได้มาตรฐานดังกล่าวภายในปี 2555 โดยทางเอสโซ่ได้เริ่มจากการตั้งทีมงาน เพื่อรับผิดชอบโครงการลงทุนดังกล่าว รวมถึงเริ่มดำเนินการมวลชนสัมพันธ์ กับประชาชนในพื้นที่แล้ว สำหรับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตทั้งหมดจะ นำเข้าจากต่างประเทศ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่กลางปี 2552 นี้

นายมงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตอบคำถามดังกล่าวว่า แม้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนปรับปรุงมาตรฐานโรงกลั่นอยู่แล้วก็ตาม แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนทุก โรงกลั่นได้รับผลกระทบจากการขาดทุน สต๊อกน้ำมันในปลายปี 2552 ทั้งสิ้น อย่างบริษัทเอสโซ่ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันถึงกว่า 3,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 3 ปี 2551 ที่ผ่านมา ฉะนั้นทางกลุ่มจึงอยากขอเลื่อนการใช้มาตรฐานยูโร 4 ออกไปเพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพธุรกิจขณะนี้ นอกจากนี้ยังต้องรอพิจารณาจากผลประกอบการในไตรมาส 4 ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

"สำหรับยูโร 4 ยอมรับว่า ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องลงทุน แต่เหตุการณ์มันเปลี่ยน ทั้งกลุ่มเจอเหมือนกัน ส่วนจะให้เลื่อนหรือไม่เรายังไม่รู้ อาจจะได้ข่าวดีก็ได้ ยอมรับว่าเอสโซ่มีการหารือกับกระทรวงพลังงานทุกสัปดาห์ตั้งแต่เรายื่นหนังสือขอเลื่อนเข้าไป แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปสักที" นายมงคลนิมิตรกล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทเอสโซ่อยู่ในช่วงขาดทุน สต๊อกน้ำมันเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ โรงกลั่นอื่นๆ แม้ว่าจะไม่มีการลดกำลังการกลั่น ยังคงมีการกลั่นอยู่ที่ 177,000 บาร์เรล/วัน แต่โรงกลั่นของเอสโซ่ได้มีการหยุดการกลั่นในบางช่วง

โดยเฉพาะในบางหน่วยกลั่นเพื่อ ซ่อมบำรุง ที่เห็นได้ชัดเจนคือการกลั่น ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาติดลบถึง 11.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงถึง 3.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากช่วงเดียวกันของปี 2550 สาเหตุคือจากราคาน้ำมัน ในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากเดิมในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาน้ำมันดิบแตะที่ 141 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก่อนจะปรับลดต่อเนื่องมาในเดือนกันยายนอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ในส่วนนี้รายได้จากการขายและต้นทุนของบริษัทเอสโซ่ในช่วงดังกล่าว "ถือว่า สูงขึ้น" ตามราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่สูงขึ้น แต่ปริมาณการขายลดลง ทั้งนี้ค่าการกลั่นที่ปรับลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ขาดทุนในช่วงไตรมาส 3 รวม 3,705 ล้านบาท

ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะกรรมการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในเบื้องต้นบริษัทเอสโซ่ได้ชี้แจงกับบอร์ดก่อนหน้านี้ว่า มีความพร้อมที่จะลงทุนเพื่อปรับปรุงโรงกลั่นมาตรฐานยูโร 4 ในปีนี้ เพื่อให้ทันตามที่กฎหมายกำหนด คือ ทุกโรงกลั่นน้ำมันในประเทศจะต้องได้มาตรฐานยูโร 4 ภายในปี 2555

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ