ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลที่จะออกมาช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการหาแหล่งเงินให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)นำมาปล่อยสินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ,

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง

การเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนจากการกู้ซื้อบ้านโดยการนำเงินต้นมาคำนวณรวมกับดอกเบี้ย ตลอดจน แนวคิดการตั้งบริษัทรับประกันสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการค้ำประกันเฉพาะเงินดาวน์ในสินเชื่อบ้านที่ได้รับอนุมัติการกู้เงินจากธนาคารแล้ว

อดีตรมว.คลัง มองว่ามาตรการดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มความต้องการด้านผู้ซื้อ(อุปสงค์) เมื่อภาครัฐออกมาตรการจูงใจผู้ซื้อบ้านแล้วก็เชื่อว่าจะช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้จริง

"อันที่เติมเงินให้ ธอส.ปล่อยกู้ซื้อบ้าน ช่วยได้มาก เพราะเป็นการเพิ่มอุปสงค์ ส่วนที่เพิ่มค่าลดหย่อนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ผู้ซื้อบ้านเป็นการชั่วคราวก็ถูก เพราะช่วยให้ผู้ซื้ออยากซื้อ เมื่อผู้ซื้ออยากซื้อ ธุรกิจจะเดินเอง"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวในรายวิทยุเช้านี้

สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการด้านธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวพบว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุด คือ การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นทางแก้ปัญหาที่ช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวได้ตรงจุดมากกว่าการออกมาตรการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีโรงเรือน, ลดค่าธรรมเนียมห้องพัก ซึ่งเป็นเพียงการแก้ปัญหาในวงแคบเท่านั้น ไม่ได้ขยายประโยชน์ไปถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบริการอื่นๆ รวมถึงผู้ค้าขายรายย่อยทั่วไป

"การลดธรรมเนียมวีซ่า และการลดค่าธรรมเนียมสนามบิน ถ้ารัฐบาลจะลดให้ผมว่าเป็นการกระตุ้นที่ถูก เพราะกระตุ้นฝ่ายซื้อให้อยากมาท่องเที่ยว อะไรที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดต้นทุนให้อยากมาท่องเที่ยวนี่ถูกต้อง...เราต้องคิดเพิ่มด้านผู้ซื้อ หาจำนวนนักท่องเที่ยวให้เขา ส่วนที่จะช่วยผู้ประกอบการ ทำไมช่วยแค่โรงแรม

ทำไมไม่ช่วยร้านอาหาร ร้านบริการอื่นๆ อีกเยอะ ถ้าช่วยแล้วไม่ยุติธรรมอย่าไปทำ ไปถามผู้ประกอบการโรงแรมจริงๆ ที่เขาอยากได้ เขาอยากได้จำนวนนักท่องเที่ยว รายการไทยเที่ยวไทยควรเร่งเข้าไป ให้ไปเติมตอนที่ฝรั่งยังไม่ลืมกรณีสุวรรณภูมิ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจท่องเที่ยว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้(20 ม.ค.)