พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ประกาศเดินหน้าธุรกิจต่อเนื่อง วางแผนเปิดโครงการใหม่ 22 โครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้ 17,000 ล้านบาท พร้อมปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรองรับภาวะวิกฤติและการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจ ปี 2552 ว่า "ในปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมรับมือกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางธุรกิจในประเทศ และขยายธุรกิจไปต่างประเทศ อาทิ อินเดีย จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น ตลอดจนรักษาสถานะการเป็นองค์กรที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง"

ด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ เน้นการบริหารจัดการกระบวนการธุรกิจ โดยมีการนำระบบ IT ที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารและตัดสินใจ มีการบริหารจัดการ Supply Chain ที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนากระบวนการก่อสร้าง เพื่อลดระยะเวลาการผลิตและส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

"มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด มีการพัฒนาระบบ Call Center เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งคุณภาพ (PS Value) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วย" นายทองมา กล่าว

ในปี 2552 พฤกษา เรียลเอสเตท ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2551 ที่มียอดขาย 16,188 ล้านบาท และรายได้ของปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 31 % จากปี 2551 ที่มีรายได้ 12,969 ล้านบาท

"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้แม้ว่าในปัจจุบันจะเกิดผลกระทบจากภาวะวิกฤติก็ตาม เนื่องด้วยบริษัทฯ มีการปรับแผนกลยุทธ์ ปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยง เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องเสมอมา นอกจากนี้ เรายังมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขันในเรื่องของการมีโรงงาน PS Precast ผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง" นายทองมา กล่าวเสริม

ด้าน นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงโครงการใหม่ของบริษัทฯ ในปี 2552 ว่า "ในปีนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และรักษาความแข็งแกร่งด้านการเงิน โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 22 โครงการ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ จำนวน 8 โครงการ บ้านเดี่ยว จำนวน 11 โครงการ คอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ และโครงการลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการทั้งหมดประมาณ 15,000 ล้านบาท"

สำหรับการลงทุนในแต่ละโครงการจะเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบ Niche Market โดยบริษัทฯ จะปรับปรุงทั้งด้านรูปแบบและดีไซน์ทั้งภายใน-ภายนอก ทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ เพื่อให้สินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันอีกจำนวน 82 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 24,536 ล้านบาท

โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายและรับรู้รายได้ในปีนี้ และหากรวมกับโครงการใหม่ที่จะเปิดอีก 22 โครงการ พฤกษาจะมีโครงการรวม 100 กว่าโครงการ ทั่วเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ และจะแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว