นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในเดือนธ.ค.มีแนวโน้มร่วงลง 525,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขการจ้างงานในปี 2551 ดิ่งลงถึง 2.4 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานมีแนวโน้มถีบตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ 7%          

แนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงซบเซา ขณะที่บรรดาผู้ค้าปลีกหลายรายปรับลดคาดการณ์ผลกำไร ส่วนภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลายแห่งต่างลดกำลังการผลิตและปลดพนักงาน ซึ่งภาวะดังกล่าวทำให้วุฒิสภาเร่งผลักดันแผนกระตุ้นการเงินของนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีให้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาโดยเร็วเพื่อให้เกิดการจ้างงาน 3 ล้านตำแหน่ง

จอห์น ซิลเวีย นักวิเคราะห์จากวาโชเวีย คอร์ปกล่าวว่า "ตลาดแรงงานกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการใช้จ่ายและความเชื่อมั่นผู้บริโภค"

นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองนั้นจะทำสถิติร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 หลังจากที่ทรุดฮวบลง 533,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.ซึ่งร่วงลงหนักสุดในรอบ 30 ปี สวนทางกับเมื่อปี 2550 ที่มีตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านตำแหน่ง

โดยขณะนี้ นายโอบามากำลังผลักดันการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีและการใช้จ่ายสำหรับสร้างถนน โรงเรียน และเครือข่ายด้านพลังงาน โดยเมื่อวานนี้เขาได้เรียกร้องให้ดำเนินการมาตรการดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อดึงให้สหรัฐหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในปีนี้ เพราะหากไม่ทำอะไรเลย สหรัฐจะเผชิญกับภาวะถดถอยต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ด้านเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งเชื่อว่าอัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลในปี 2553  ทั้งนี้ กระทรวงของแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในเวลา 08.30 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย