ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราคาด ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนของญี่ปุ่น และฟรังค์สวิสมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีนี้เมื่อเทียบกับสถิติที่ดิ่งลงรุนแรงที่สุดในปี 2551 จากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่เงินเรียลของบราซิล เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียจะแข็งค่าขึ้นสดใส นักลงทุนเริ่มหันเข้ากลับมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราคาดการณ์ว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนของญี่ปุ่น และฟรังค์สวิสมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีนี้เมื่อเทียบกับสถิติที่ดิ่งลงรุนแรงที่สุดในปี 2551 เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่เงินเรียลของบราซิล เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียจะแข็งค่าขึ้นสดใส เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันเข้ากลับมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง |
. |
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน แต่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ของอังกฤษ ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 2.30 เรียล/ดอลลาร์ จากที่เคยอยู่ในระดับ 2.3145 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2551 และจะอ่อนค่าลง 1% เมื่อเทียบกับเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย |
. |
ด้านเงินปอนด์อาจแข็งค่าขึ้น 3.5% แตะที่ 1.51 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่เงินยูโรจะอ่อนค่าลง 8.4% มาอยู่ที่ 1.28 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินเยนซึ่งเคลื่อนไหวดีที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลักเมื่อปีที่แล้วจะอ่อนค่าลง 10% ไปอยู่ที่ 100 ดอลลาร์/เยน |
. |
แม็กซิม เทสเซีย นักวิเคราะห์จาก Caisse de Depot et Placement du Quebec กล่าวว่า "แนวโน้มการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราปีนี้จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ นับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ขณะที่นักลงทุนจะเทขายเงินดอลลาร์ออกมา" |
. |
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.2% ในเดือนพ.ย.จาก 3.9% ขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางหลายแห่งต่างปรับลดดอกเบี้ยและใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ |
. |
ด้านลอว์เรนซ์ กู้ดแมน นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป กล่าวว่า หลายประเทศที่กำลังเผชิญภาวะซบเซาเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเขาคาดว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง 18% เมื่อเทียบกับเงินเรียล |
. |
นักวิเคราะห์โพลล์บลูมเบิร์กคาดรายได้บริษัทเอกชนทั่วโลกร่วงหนักจนถึงครึ่งแรกปี 52 |
นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทเอกชนทั่วโลกจะยังคงร่วงลงจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีพ.ศ.2552 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรป เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 |
. |
บรู๊ซ แมคเคน หัวหน้านักวิเคราะห์จากคีย์ ไพรเวท แบงค์ กล่าวว่า รายได้ของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดนิวยอร์กและถูกคำนวณอยู่ในดัชนี S&P 500 จะร่วงลงจนถึงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งจะเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 8 ไตรมาส และคาดว่ารายได้ของบริษัทกลุ่มนี้จะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปี 2552 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าของบริษัทค้าปลีกและยอดส่งออก ทรุดตัวลงด้วย |
. |
ขณะที่ ไดแอน การ์นิค นักวิเคราะห์จากอินเวสท์โก กล่าวว่า "บริษัทเอกชนทั่วโลกกำลังดิ้นรนหาทางรับมือกับภาวะที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ในปี 2550 บริษัทเอกชนทั่วโลกมีผลประกอบการสูงสุด แต่ในปี 2552 ผลประกอบการภาคเอกชนจะทรุดตัวลงสุด |