เนื้อหาวันที่ : 2008-12-26 13:48:41 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1385 views

เอ็นจีวียังไม่ขึ้นราคาเดือน ม.ค. ก.พลังงาน

ปตท.คาดเอ็นจีวียังไม่ขึ้นราคาเดือน ม.ค. แต่แจงตามต้นทุนคาดคงต้องขึ้นราคา แต่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของดีเซล ด้านราคาน้ำมันก่อนปีใหม่จะปรับลดลงอีก ในขณะที่คาดปีหน้าความต้องการพลังงานจะโตไม่ถึงร้อยละ 2

ปตท.คาดเอ็นจีวียังไม่ขึ้นราคาเดือน ม.ค. แต่แจงตามต้นทุนคาดคงต้องขึ้นราคา แต่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของดีเซล ด้านราคาน้ำมันก่อนปีใหม่จะปรับลดลงอีก ในขณะที่คาดปีหน้าความต้องการพลังงานจะโตไม่ถึงร้อยละ 2

.

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

.

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่ผู้ค้าน้ำมันจะพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศลงอีก หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงค์โปร์ในสุดสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในเทศกาลปีใหม่

.

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซล 60 สตางค์/ลิตร ที่มีผลในวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) จะทำให้ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 1.90-2 บาท/ลิตร ขณะที่ค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.46-1.47 บาท/ลิตร ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ค่าการตลาดที่เหมาะสมในกลุ่มเบนซิน ควรอยู่ที่ 1.70-1.80 บาท/ลิตร และดีเซล อยู่ที่ 1.30-1.40 บาท/ลิตร

.

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. กล่าวว่า ภาวะราคาน้ำมันลดต่ำมาก จนกระทั่งเหลืออยู่ที่ประมาณ 35-40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล รัฐบาลน่าจะใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เหมาะสม โดยกรณีภาษีน้ำมันน่าจะมีการทบทวนปรับขึ้นไปได้ในอัตราเดิม ส่วนแอลพีจีและเอ็นจีวี อยู่ที่รัฐบาล แต่ในภาวะอย่างนี้สามารถลอยตัวแอลพีจีได้ โดยราคาจะไม่ปรับขึ้นแต่อย่างใด

.

ส่วนของเอ็นจีวี ในเดือน ม.ค. 2552 อาจไม่ปรับราคา แต่สภาพข้อเท็จจริง ปตท.ขายขาดทุนมาหลายปี ขณะที่มีการลงทุนสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเป็นโครงข่ายการจำหน่ายเอ็นจีวีต่าง ๆ หากไม่มีการปรับขึ้นเลยจะส่งผลกระทบ และจะทำให้ขาดทุนมากขึ้น หากรับภาระมากเกินไปก็จะเป็นข้อจำกัดในการรองรับการลงทุนในอนาคต

.

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้พลังงานปี 2552 คาดว่าความต้องการใช้พลังงานขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1.9 ซึ่งในส่วนของน้ำมัน คาดว่าระดับเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เพราะราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่แอลพีจีจะมีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น แต่การใช้แอลพีจีในรถยนต์จะชะลอตัวลงจากราคาน้ำมันที่ลดลง

.

ส่วนก๊าซธรรมชาติ การใช้จะสูงขึ้นร้อยละ 3.9 โดยการใช้จะอยู่ที่ 3,850 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เนื่องจากปีนี้มีแหล่งผลิตพลังงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาก พร้อมเตรียมเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านขอซื้อขายก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะก๊าซจากสหภาพพม่า จากแหล่งเอ็ม 9 ให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ ขณะที่การใช้ไฟฟ้าปีหน้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5

.

โดยคาดว่าการผลิตไฟฟ้าและการซื้อไฟฟ้าของ กฟผ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 หรือคิดเป็นปริมาณ 150,458 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ น้ำมันเตา และการนำเข้าไฟฟ้าจะลดลง ตามแผนพีดีพีของ กฟผ.

.

ที่มา : สำนักข่าวไทย