เนื้อหาวันที่ : 2008-12-26 11:18:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1051 views

อภิสิทธิ์ เล็งอัดฉีด 3 แสนลบ.ช่วงมี.ค.-เม.ย.กระตุ้นศก.ปีหน้าโตได้

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมหว่านเงินอัดฉีด 3 แสนลบ.ช่วงมี.ค.-เม.ย. หวังปั้มเศรษฐกิจให้ปีหน้าโต เล็งออกมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมาตรการภาษี และมาตรการอื่นๆ เอาใจทั้งกลุ่มรากหญ้า สุดท้ายก็หนีไม่พ้นประชานิยมเต็มใบ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมหว่านเงินอัดฉีด 3 แสนลบ.ช่วงมี.ค.-เม.ย. หวังปั้มเศรษฐกิจให้ปีหน้าโต เล็งออกมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมาตรการภาษี และมาตรการอื่นๆ  เอาใจทั้งกลุ่มรากหญ้า สุดท้ายก็หนีไม่พ้นประชานิยมเต็มใบ

.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องยอมรับความจริงว่าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่ที่ความจริงใจในการทำงาน และความโปร่งใส ซึ่งตนเองในฐานะนักการเมือง หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็พร้อมเปิดโอกาสให้บุคคลอื่น

.

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ามาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลเตรียมการไว้และเร่งดำเนินการอยู่จะช่วยให้เศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวได้ แม้หลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจจะคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยปี 52 อาจจะไม่ขยายตัวและภาคส่งออกติดลบ เนื่องจากสถานการณ์ช่วง พ.ย.-ธ.ค.51 มีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ

.
"จะพยายามให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวกให้ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว"เราก็ต้องลบคำสบประมาทให้ได้...ไม่มีการทดลอง ตอนนี้ต้องทำจริง"
.

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะนำมาใช้มีทั้งมาตรการภาษี และมาตรการอื่นๆ  ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาก่อนที่จะประกาศในเดือน ม.ค.52 เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.52 โดยจะพยายามดูแลการอัดฉีดเงินให้อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้เสียวินัยการคลัง 

.

สำหรับเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านบาทที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกมาจากการจัดทำงบกลางปีราว 1 แสนล้านบาท ส่วนที่สองเป็นงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ ส่วนที่สาม เป็นงบประมาณค้างท่อที่ได้จัดสรรไปแล้ว แต่ไม่มีการเบิกจ่ายจริง โดยเฉพาะงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ประมาณ 1 แสนล้านบาท

.

นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ โดยชี้แจงว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าการลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ ทั้งเรื่องคมนาคมระบบน้ำ แต่เห็นว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน ดังนั้น ในเบื้องต้นรัฐบาลจึงมุ่งโครงการลงทุนขนาดกลางและขนาดเล็กที่อยู่ในแผนการลงทุนเดิมเพื่อให้เห็นผลได้เร็วในเวลา 2-3 เดือน