กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านคุณภาพ แจงผลประกอบการ ปี 2551 สามารถทำยอดขายได้ถึง 650 ล้านบาท ทะลุเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 550 ล้านบาท โดยบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ทำยอดขายได้ 350 ล้านบาท ในส่วนบริษัทบางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ทำยอดขายได้ 300 ล้านบาท ระบุชัดแนวโน้มการเติบโตปี 2552 ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน เหตุต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลง ส่งผลราคาบ้านค่อนข้างทรงตัว มั่นใจปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ เปิดเผยว่า แม้ว่าตลอดช่วงปีที่ผ่านมา จะมีปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งเรื่องของวิกฤตการเงิน ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ รวมถึง ราคาวัสดุก่อสร้างมีความผันผวน ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีการชะลออัตราการเติบโต

แต่ในทางกลับกันช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกในเรื่องของอัตราน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนราคาวัสดุต่างๆ เริ่มมีการทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะปรับลดราคาลง กอรปกับบริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่พยายามที่จะคงราคาขายบ้าน ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ที่มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกเซกเมนต์ ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงส่งผลให้ยอดขายโดยรวมของปี 2551 มียอดรวมกว่า 650 ล้านบาท ทะลุเป้าเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 550 ล้านบาท โดยบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ทำยอดขายได้ 350 ล้านบาท ในส่วนบริษัทบางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ทำยอดขายได้ 300 ล้านบาท

"ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก มาจากการดำเนินงานแบบมืออาชีพ ที่เน้นการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้ง การใส่ใจในทุกรายละเอียดและทุกขั้นตอน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างของบริษัทฯ และพนักงานทุกคนยังมีหลักที่สำคัญในการทำงาน คือ การใส่ใจ การดูแลเอาใจในรายละเอียดของงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพ คุ้มค่ากับการลงทุนของลูกค้าอย่างแท้จริง" นายสุธี กล่าว

นายสุธี กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินการในปี 2552 ทางกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ มั่นใจว่าตลาดยังคง มีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปีไว้ที่ 700 ล้านบาท โดยบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ จำกัด ตั้งเป้าไว้ที่ 350 ล้านบาท และบริษัทบางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ตั้งเป้าไว้ที่ 350 ล้านบาท โดยยังคงเน้นเรื่องการทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด บนพื้นฐานของงานคุณภาพ และ การดำเนินงานแบบมืออาชีพ ส่วนด้านสถานการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปีหน้า

คาดว่าปัจจัยราคาวัสดุก่อสร้างคงทรงตัว หรือลดลงอีกเล็กน้อย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้คาดว่าราคาบ้านในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะทรงตัว ประกอบกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีการเร่งยอดขาย และใช้โปรโมชั่นในการแข่งขันกันค่อนข้างมาก ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งเชื่อว่าในส่วนของผู้บริโภคช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่เหมาะในการปลูกสร้างบ้าน ส่วนปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้วัดการขยายตัว คงต้องจับตาในเรื่องของการแก้ไขปัญหาทางด้านการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงความมั่นใจ ของผู้บริโภคนั่นเอง