บีโอไอ คาดยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่มีมูลค่าราว 4-5 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกและสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ต้นปีหน้าหลังได้รัฐบาลใหม่แล้วเตรียมโรดโชว์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) คาดยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่มีมูลค่าราว 4-5 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกและสถานการณ์ความผันผวนทางการเมืองภายในประเทศ โดยต้นปีหน้าหลังได้รัฐบาลใหม่แล้วเตรียมจัดคณะเดินทางไปทำการตลาด(โรดโชว์)ในต่างประเทศ เพื่อเรียกเชื่อมั่นกลับคืนมา ขณะที่หอการค้าต่างประเทศประจำประเทศไทยยังยาหอมไทยน่าลงทุน แต่ต้องแก้ปัญหาการเมืองให้มั่นคง |
. |
"ยอดการขอการส่งเสริมการลงทุนในปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 4-5 แสนล้านบาท เนื่องจากวิกฤตการเงินโลก และการเมืองในประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างชะลอการลงทุนออกไปก่อน" นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าว |
. |
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการบีโอไอ ยังเชื่อว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ อุตสาหกรรมอาหาร และของใช้ประจำวันยังคงขยายตัวได้ดี หากในปีหน้าโครงการเหล็กต้นน้ำขนาดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้น่าจะช่วยให้ยอดขอส่งเสริมการลงทุนปีหน้าเป็นไปตามที่อดีต รมว.อุตสาหกรรม เคยมอบนโยบายไว้ที่ 6.5 แสนล้านบาทได้ |
. |
ในต้นปีหน้าหลังจากได้รัฐบาลใหม่ บีโอไอจะเร่งออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเป้าหมายหลัก เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐ ไต้หวัน และอินเดีย รวมทั้งจะมีการประชุมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักลงทุนภายในประเทศด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมา |
. |
นางอรรชกา กล่าวว่า หลังจากเชิญหอการค้าต่างประเทศประจำประเทศไทยมาฟังการชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของไทย เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงมีการผลักดันมาตรการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาการเมืองและการปิดสนามบินเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น |
. |
ด้านนายนันดอร์ จี วอน เดอร์ ลูเฮ ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า แม้การปิดสนามบินจะทำให้ชาวต่างชาติมีความกังวลถึงความปลอดภัยในการเดินทางมายังประเทศไทยบ้าง แต่ในแง่ของนักลงทุนต่างชาติยังมองว่าประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ ปลอดภัย และน่าท่องเที่ยว เพียงแต่ต้องแก้ไขปัญหาการเมืองภายในประเทศให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นนักลงทุนใหม่ๆ ก็ไม่กล้าเข้ามาลงทุน โดยหอการค้าต่างประเทศพร้อมที่จะร่วมทำงานกับทุกฝ่าย และไม่เกี่ยงว่าฝ่ายใดจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเมืองต้องมีเสถียรภาพ และเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเท่านั้นพอ |
. |
ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวอีกว่า ต้นทุนการผลิตของไทยเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดความสนใจในการลงทุน เพราะต้นทุนถูกกว่าต่างประเทศ ประกอบกับอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง และอยู่ในสถานะที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิกฤตโลกเป็นปัญหาที่ไม่มีใครหลีกหนีได้ ดังนั้นหากการเมืองของประเทศไทยมีความมั่นคงก็น่าจะช่วยให้ประเทศไทยไม่ต้องต่อสู้กับปัญหามากนัก |