สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมขย่มรัฐบาลใหม่ กับงานหินรออยู่ข้างหน้า แนะเร่งหาทางรับมือกับปัญหา เพราะหากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ชะลอตัวลงร้อยละ 1 จะมีคนตกงานถึง 350,000 คน และหากจีดีพีลดลงร้อยละ 3 จะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมขย่มรัฐบาลใหม่ กับงานหินรออยู่ข้างหน้า แนะเร่งหาทางรับมือกับปัญหา เพราะหากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ชะลอตัวลงร้อยละ 1 จะมีคนตกงานถึง 350,000 คน และหากจีดีพีลดลงร้อยละ 3 จะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน |
. |
นายนิพนธ์ สุรพงษ์รักเจริญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ควรจะเป็นผู้ที่สามารถเรียกความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น เพราะจะนำไปสู่การมีเสถียรภาพทางการเมือง |
. |
นายนิพนธ์ กล่าวว่า รัฐบาลใหม่จะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาคนตกงาน เพราะหากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ชะลอตัวลงร้อยละ 1 จะมีคนตกงานถึง 350,000 คน และหากจีดีพีลดลงร้อยละ 3 จะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน รัฐบาลจะต้องหาทางรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยร่วมมือกันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หากป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ร้อยละ 70-80 ก็ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ |
. |
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ข้อเสนอการตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเป็นการให้ประชาชนนำเงินออมที่มีอยู่มาลงทุนในกองทุนดังกล่าวและให้ผู้เชี่ยวชาญนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการที่มีความจำเป็น และจะทำให้โครงการเมกะโปรเจกต์เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ลดปัญหาทางการเมืองที่ไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการได้ |
. |
อีกทั้งแบ่งเบาภาระการหาแหล่งทุนที่ต้องใช้เงินสูงนับแสนล้านบาท เพราะตลาดทุนเข้ามามีบทบาทสนับสนุนการก่อสร้าง โดยมองว่าในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าผู้มีเงินออมจะต้องรู้จักบริหารเงินของตัวเองแทนการฝากกับธนาคารพาณิชย์ เพราะจะมีเครื่องมือการออมรูปแบบใหม่ |
. |
สำหรับการลงทุนในกองทุนดังกล่าวจะแบ่งผลตอบแทนให้เป็น 2 ส่วน คือ การให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น ร้อยละ 1 ต่อปี และอีกส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปตามผลประกอบการของโครงการที่เข้าร่วมลงทุน เช่น หากมีผู้โดยสารขึ้นรถไฟฟ้าจำนวนมากก็จะมีเงินปันผลให้กับผู้ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยลดภาระการเป็นหนี้สาธารณะของรัฐบาลลดลง รวมถึงไม่ต้องไปกู้เงินจากต่างประเทศ. |
. |
ที่มา : สำนักข่าวไทย |