เนื้อหาวันที่ : 2008-12-01 18:46:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1088 views

โอฬารคาด GDP ไทยปี 52 มีโอกาสติดลบ คนตกงาน 1.2 ล้านคน

โอฬาร รองนายกรัฐมนตรี เผยเศรษฐกิจไทยปี 52 คาดอาจไม่เติบโตหรือมีโอกาสติดลบได้ หากสถานทางการเมืองยังวุ่นวายและการปิดสนามบินยังคงยืดเยื้อออกไป และจะทำให้มีคนว่างงานมากถึง 1.2 ล้านคน

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 52 คาดอาจไม่เติบโตหรือมีโอกาสติดลบได้ หากสถานทางการเมืองยังวุ่นวายและการปิดสนามบินยังคงยืดเยื้อออกไป และจะทำให้มีคนว่างงานมากถึง 1.2 ล้านคน 

.

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี

.

"ถือว่าเลวร้ายกว่าปี 40 ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องพิจารณาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และนายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจ" นายโอฬาร กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกันของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและภาคเอกชน เพื่อวางมาตรการดูแลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาการปิดสนามบิน

.

สำหรับแนวทางการใช้มาตรการระยะสั้นที่จะบรรเทาผลกระทบจากการปิดสนามบินหลักทั้งสองแห่งในกทม.นั้น จะมีการเข้าไปดูแลด้านการท่องเที่ยว โดยในการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้จะมีการเสนอของบกลางประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะที่ออกจากประเทศไทย และคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศ

.

ส่วนมาตรการระยะปานกลาง เป็นมาตรการสินเชื่อเพื่อทุเลาปัญหาและความยากลำบากของภาคธุรกิจเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน เช่น ไม่มีวงเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจ และอาจต้องมีการปลดคนงาน จึงจะมีการสนับสนุนสินเชื่อผ่อนปรนจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เช่นเดียวกับกรณีการเกิดภัยพิบัติสึนามิ

.

นายโอฬาร กล่าวว่า กฎหมายธปท.ฉบับใหม่เปิดช่องให้ ธทป.สนับสนุนเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน(ซอฟท์โลน)เพื่อดูแลเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับข้อเสนอจากภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อสินค้าลดลง โดยจะมีการให้ความช่วยเหลือในการค้ำประกัน L/C

.

"วงเงินสินเชื่อขณะนี้อยู่ระหว่างการที่แต่ละภาคอุตสาหกรรม จะได้มีการทำข้อเสนอ เพื่อขอรับการช่วยเหลือเป็นสินเชื่อผ่อนปรนจากทางการ ส่วนการดำเนินการอาจต้องเป็นกองทุนในรูปแบบเดียวกับสึนามิ...ธปท.น่าจะให้กู้ได้เพราะเป็นการเข้าไปดูแลเศรษฐกิจโดยรวม" นายโอฬาร กล่าว

.

นายโอฬาร เรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดสนามบินโดยเร็วที่สุด เพราะสถานการณ์ที่ยืดเยื้อขณะนี้สร้างความเสียหายแล้วนับแสนล้านบาท หากยังยืดเยื้อต่อไปจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดตัว เศรษฐกิจไม่ขยายตัวและมีโอกาสติดลบได้ โดยประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยืดเยื้อ

.

อย่างไรก็ตาม สภาพขณะนี้เศรษฐกิจปี 52 คงไม่เหลือภาคอุตสาหกรรมใดช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เหลือเพียงแต่ภาครัฐ ที่ต้องมีเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

.

"รัฐบาลพยายามให้เรื่องยุติโดยเร็วให้เปิดสนามบินได้ตามปกติ การประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกฝ่ายมีสำนึก เพราะหากยังปิดสนามบิน ยิ่งเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจยิ่งมาก และเป็นตราบาปไปตลอด...ภาคเอกชนไม่ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกแต่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ แต่หากปัญหายิ่งยืดเยื้อ รัฐบาลคงต้องพิจารณาสิ่งที่ดีที่สุดต่อประเทศชาติ และนายกฯคงต้องตัดสินใจ" นายโอฬาร กล่าว