กรมส่งออก สับม็อบปิดสนามบิน กระทบสินค้าสดส่งออกเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ตัน มูลค่าอาทิตย์ละ 60 ล้านบาท ผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ส่งออกไทยจะต้องนำมาผลิตสินค้าสำเร็จรูปแล้วส่งออกต่อ สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยเร่งหาทางออก

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งศูนย์บริการร่วมกระทรวงพาณิชย์เป็นศูนย์กลางประสานงานและรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้ส่งออกในการแก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ หลังจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่ทำให้การส่งออกสินค้าทางอากาศชะงักงัน

ผู้ส่งออกสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 02-512-0123, 02-507-7000 และ 02-507-8000 นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าทางอากาศที่ตกค้าง โดยจะขนส่งทางเส้นทางอื่นแทน

"การปิดสนามบินสุวรรณภูมิส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางอากาศมาก ทั้งผักสด ผลไม้สด และดอกไม้ ที่เน่าเสียง่าย แม้จะคิดเป็นมูลค่าไม่มาก เพราะสัดส่วนการขนส่งทางอากาศไม่ถึง 10% ส่วนมากจะขนส่งทางเรือและทางบก แต่กระทรวงได้ประสานไปยังสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยและกรมศุลกากร หาทางบรรเทาปัญหาด้วยการขนส่งสินค้าทางอื่นแทน แม้จะทำให้ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการขนส่งเพิ่มขึ้น แต่ยังดีกว่าที่สินค้าตกค้าง เน่าเสีย และอาจทำให้ผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าจากประเทศทดแทนอื่น" นายศิริพล กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศที่ประจำอยู่ที่ต่างๆ ทั่วโลก ชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าถึงปัญหาภายในของไทยว่าจะไม่มีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการส่งออกและการค้าขายยังดำเนินไปตามปกติ ซึ่งยอมรับว่าในระยะสั้นอาจมีปัญหาในการส่งสินค้าบ้าง แต่เชื่อว่าจะแก้ไขได้ในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกันหากผู้ส่งออกมีประเด็นเร่งด่วนที่จะขอให้กระทรวงช่วยชี้แจงคู่ค้าก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ ส่วนภายในประเทศได้ขอให้พาณิชย์จังหวัด, กรมการค้าภายใน จับตาสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้มีการฉกฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและกักตุนสินค้าจนกระทบต่อผู้บริโภค รวมทั้งขอให้มีการออกสำรวจตลาดอย่างใกล้ชิด

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า สินค้าที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบิน มีทั้งสินค้าสด ผัก-ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ส่งออกไทยจะต้องนำมาผลิตสินค้าสำเร็จรูปแล้วส่งออกต่อ ซึ่งมีการส่งออกทางอากาศเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ตัน มูลค่าประมาณอาทิตย์ละ 60 ล้านบาท จึงได้ประสานไปยังสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทยเพื่อหาทางออกแล้ว

"ตอนนี้คงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าผลจากการปิดสนามบินจะกระทบต่อการส่งออกของไทยคิดเป็นมูลค่าเท่าไร แต่ยอมรับว่า หากปัญหาการเมืองยังยืดเยื้อจะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของประเทศคู่ค้าได้" นายราเชนทร์ กล่าว

นายเกริกกล้า สนธิมาศ ประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า สมาพันธ์กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านโลจิสติกส์ทั้งด้านการส่งออกและนำเข้าสำหรับสินค้าที่ตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะขนส่งทางรถยนต์แล้วไปขึ้นเครื่องบินที่มาเลเซียและสิงคโปร์แทน ซึ่งอยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยประสานงานไปยังศุลกากรเพื่อให้มีเขตปลอดภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ขนถ่าย และบรรจุสินค้า ไม่เช่นนั้น การส่งออกสินค้าทางอากาศจะมีปัญหา ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้รับที่จะประสานงานให้  

"การทำเช่นนี้แม้ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% แต่ผู้ส่งออกก็ต้องยอมทำวิธีการใดก็ได้ให้สามารถส่งสินค้าได้ทันตามกำหนด ซึ่งเบื้องต้นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เห็นด้วย และมีประมาณ 100 รายแล้วที่จะใช้บริการ โดยปลายทางส่วนใหญ่จะเป็นญี่ปุ่น และยุโรป" นายเกริกกล้า กล่าว