เนื้อหาวันที่ : 2008-11-20 15:11:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1547 views

2 ค่ายรถใหญ่ใช้นโยบายสมัครใจออกหลังลดการผลิต คาดตลาดรวมวูบ 20%

โตโยต้ายังไม่มีแผนจะปลดพนักงานประจำหลังจากเริ่มมีข่าวว่าหลายค่ายรถยนต์ทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเริ่มทยอยปรับลดคนงานอันสืบเนื่องมาจากการลุกลามของปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯ

นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ส(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โตโยต้ายังไม่มีแผนจะปลดพนักงานประจำหลังจากเริ่มมีข่าวว่าหลายค่ายรถยนต์ทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเริ่มทยอยปรับลดคนงานอันสืบเนื่องมาจากการลุกลามของปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯ

.

แต่โตโยต้าปรับกลยุทธ์ด้วยการลดรอบเวลากำลังการผลิตรถยนต์ โดยลดกำลังการผลิตลง 20% ตั้งแต่เดือน พ.ย.51 ไปจนถึงต้นปี 52 รวมถึงปรับลดพนักงานเฉพาะในส่วนที่เป็นพนักงานชั่งคราวที่ว่างจ้างผ่าน subcontact ไม่ใช่พนักงานประจำของโตโยต้าโดยตรง ด้วยการเสนอโครงการให้สมัครใจลาออกโดยตั้งเป้าเบื้องต้นที่ 350 คน และพบว่าขณะนี้มียอดผู้สมัครเข้าโครงการแล้วราว 500 คน

.

"เราต้องลด track time ให้ช้าลง สมมติว่าเดิมเราผลิตรถยนต์คันหนึ่งใช้เวลา 1.4 นาที ก็อาจจะเพิ่มเป็น 1.7 นาที แต่ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น นี่คือปัญหา ดังนั้นเราต้องปรับคนงาน แต่ตอนนี้นโยบายของโตโยต้ายังไม่มีการ Lay-Off คนงาน กลับกันคือเราจะให้สมัครใจเฉพาะกับ sub-contacter employee ที่เรามีสัญญากับ agency เป็นการจ้างเหมา" นายนินนาท ระบุ

.

นายนินนาท ยังประเมินว่าผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ได้รับจากวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ทำให้คาดว่ายอดขายรถในประเทศปีนี้ลดลงราว 20% และยอดการส่งออกลดลงราว 30%

.

ด้านนายชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจขณะนี้ทำให้บริษัทฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจปีหน้าคงไม่มีโอกาสที่จะเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ ดังนั้นจึงต้องลดกำลังการผลิตรถยนต์ในปีหน้าลง และจำเป็นต้องปรับลดพนักงานสายการผลิตของปีหน้าในส่วนที่เกินอยู่ราว 250 คนลงเช่นกัน

.

ล่าสุดได้มีโครงการให้สมัครใจลาออกแล้ว ซึ่งพนักงานจะได้รับค่าชดเชยที่ดีกว่ากฎหมายแรงงานกำหนด เพราะนอกจากจะได้รับค่าชดเชยตามอายุงานแล้วยังได้รับเงินเพิ่มพิเศษอีกคนละ 2 เดือน

.

อย่างไรก็ดี จากที่กำลังการผลิตรถยนต์ของบริษัทฯ ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ over supply ซึ่งมีสต็อกเพียงพอจนถึงต้นปีหน้าแล้ว ดังนั้นระหว่างนี้บริษัทฯ จึงมีแผนจะหยุดกำลังการผลิตของโรงงานที่ จ.ระยอง ในช่วงเดือน ธ.ค.51-ม.ค.52 โดยให้พนักงานที่อยู่ในสายการผลิตราว 2 พันคนหยุดงานชั่วคราว แต่ยังได้รับเงินเดือนและคงสภาพของพนักงานไว้ตามเดิม โดยจะกลับมาเริ่มงานใหม่ในต้นเดือนก.พ.2552

.

"เรามองเศรษฐกิจของไทยปีหน้าคงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้ ดังนั้นกำลังการผลิตปีหน้าคงน้อยกว่าปีนี้แน่นอน ดังนั้นถ้าเราเปิดสายการผลิตช่วงเดือนธ.ค. และม.ค.อยู่ อาจจะทำให้เกินกำลังหรือมี over supply เราจึงวางแผนจะหยุดกำลังการผลิตที่โรงงานในเดือน ธ.ค.และม.ค. ดังนั้น พนง.ของเราทั้งหมดที่อยู่ในสายการผลิต 2,000 กว่าคน เราให้หยุดงานไปด้วย การหยุดงานของ พนง.นี้เป็นการหยุดและรับเงินเดือน 75% แต่ยังคงสถานภาพการเป็นพนักงาน เป็นการหยุดชั่วคราว"

.

ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ระบุ นายชาติชาย กล่าวด้วยว่า เมื่อโรงงานที่ระยองเริ่มเปิดใหม่ใน ก.พ.52 คาดว่าจะต้องลดกำลังการผลิตลงจากปีนี้ราว 20% ซึ่งพนักงานที่หยุดชั่วคราวไป 2 เดือนก็จะกลับมาทำงานได้ใหม่ ขณะที่พนักงานที่สมัครใจลาออกก็จะพ้นสภาพไป อย่างไรก็ดีในขณะนี้ยังเป็นการยากที่จะประเมินสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีหน้าได้ และคงทำได้เพียงแค่ wait and see

.

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงศ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เชื่อว่า ยอดขายรถและยอดส่งออกรถยนต์ปีนี้คงไม่ลดลงไปมากตามที่ค่ายรถทั้ง 2 แห่งประเมินไว้ เนื่องจากช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.51) ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังเติบโตได้ 0.2% โดยทั้งปีนี้ตั้งเป้ายอดขายในประเทศไว้ที่ 6.5 แสนคัน ขณะที่เชื่อว่าการส่งออกทั้งปีจะเติบโตได้ 12% คิดเป็นยอดส่งออกราว 7.7-7.8 แสนคัน