เนื้อหาวันที่ : 2008-11-17 10:00:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1349 views

พลังงาน สั่ง สนพ.ทบทวนแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติห่วงไม่พอใช้ในระยะยาว

รมว.พลังงาน เตรียมแผนการจัดหาและการใช้ก๊าซใหม่ทั้งหมด คาดใช้ก๊าซในช่วงปี 2569(ค.ศ.2026) ความต้องการใช้ก๊าซในประเทศจะประมาณ 5,000 ล้าน ลบ.ฟ./วัน โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ขณะที่แหล่งก๊าซในประเทศมีค่อนข้างจำกัด

นพ.วรรณรัตน์  ชาญนุกูล รมว.พลังงาน  เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)  ไปทำการ Re-Access เกี่ยวกับแผนการจัดหาและการใช้ก๊าซใหม่ทั้งหมด หลังจากคาดการณ์ว่าการใช้ก๊าซในช่วงปี 2569(ค.ศ.2026) ความต้องการใช้ก๊าซในประเทศจะประมาณ 5,000 ล้าน ลบ.ฟ./วัน โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ขณะที่แหล่งก๊าซในประเทศมีค่อนข้างจำกัด

.

ปัจจุบันประเทศไทยนำก๊าซธรรมชาติไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น การผลิตไฟฟ้า  เป็นวัตถุดิบปิโตรเคมี  เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์  นำไปใช้เป็นก๊าซหุงต้ม เป็นต้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวนและลดลงมากในช่วงนี้ ทำให้ราคาพลังงานอื่น ๆ เปลี่ยนไปมาก จึงต้องมีการปรับแผนการจัดหาในอนาคตใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

 .

ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในอนาคต ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าในปีหน้าจะโตประมาณ 2-4% และอาจการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานประเภทอื่นๆ เป็นทางเลือก เช่น ถ่านหิน  นิวเคลียร์  รวมทั้ง การก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการบริหารจัดการนำก๊าซไปใช้  การจัดหาก๊าซจากแหล่งในต่างประเทศมากขึ้นโดยเน้นในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น นาทูน่า ในอินโดนีเซีย  

 .

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า  แหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติในประเทศจะสามารถรองรับการใช้ก๊าซในระดับ 2,500 ล้าน ลบ.ฟ./วันไปได้อีก 18 ปี  เนื่องจากขณะนี้ได้พัฒนาแหล่งขนาดใหญ่ขึ้นมาใช้มากแล้ว เหลือเพียงแหล่งขนาดเล็กและยังไม่พบแหล่งใหญ่เพิ่มเติม  ทำให้ต้องมีการจัดหาก๊าซเพิ่มเติมจากแหล่งในต่างประเทศ หรือหาแหล่งเชื้อเพลิงชนิดอื่นมาทดแทน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการขาดแคลนขึ้นในอนาคต

 .

ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีปัญหาในเรื่องของการจัดหาก๊าซ  โดยสามารถรองรับการใช้ได้ถึง 3,000 ล้าน ลบ.ฟ./วัน เป็นการจัดหาจากแหล่งในประเทศ 2,835 ล้าน ลบ.ฟ./วัน นำเข้าจากประเทศพม่าประมาณ 1,000 ล้าน ลบ.ฟ./วัน ทำให้มีเพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีแหล่งก๊าซอีก 2-3 แหล่ง เช่น B-17 ในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย บงกชใต้ อาทิตย์เหนือ  เป็นต้น ที่จะทยอยส่งก๊าซเข้าสู่ระบบท่อตั้งแต่ปลายปีนี้

 .

จากการที่มีแหล่งก๊าซที่ได้ซ็นสัญญาไว้แล้ว ประกอบกับการมีท่อส่งก๊าซที่จะรองรับการจัดส่งก๊าซ การก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าเพื่อต่อไปยังแหล่งที่จะใช้ก๊าซ การก่อสร้างโรงแยกก๊าซโรงที่ 6 คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3-4 ปีหน้า ทำให้ใน 2-3 ปีนี้ประเทศไทยยังสามารถบริหารจัดการในเรื่องของการจัดหาก๊าซได้ในระดับที่ดี

 .

สำหรับการพัฒนาแหล่งก๊าซ M9 ในประเทศพม่า บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)Operator กำลังทำการสำรวจเพื่อยืนยันปริมาณสำรองปิโตรเลียม พบว่าจากการขุดหลุมทั้งหมด 13 หลุม ประเมินปริมาณสำรองได้ประมาณ 1.38 ล้านล้าน ลบ.ฟ./วัน เทียบเท่ากับแหล่งเอราวัณซึ่งเป็นแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในอ่าวไทย  โดยจะสามารถนำก๊าซขึ้นมาใช้ในปี 56 โดยส่งให้กับประเทศไทย 240 ล้าน ลบ.ฟ./วัน และส่งให้พม่า 60 ล้าน ลบ.ฟ./วันในวันที่ 24 พ.ย. นี้ รมว.พลังงานของไทยจะเดินทางไปเจรจากับรัฐบาลพม่าเพื่อเร่งรัดให้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซกับปตท. ให้เร็วที่สุด  ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรก็คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้

 .

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ต้องมีการประเมินแผนการจัดหาใหม่ทั้งหมด  เนื่องจากราคาน้ำมันได้ลดต่ำลงมาก  ต้องมีการประเมินราคาการซื้อขายแอลเอ็นจีใหม่  และแอลเอ็นจีอาจจะเกิด Surplus จากเดิมที่ตลาดแอลเอ็นจีเป็นของผู้ขายปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นตลาดของผู้ซื้อ  ส่วนข้อตกลงที่ ปตท.ได้เซ็น Head of Agreement กับทางประเทศกาต้าร์ก็คาดว่า ปตท.กำลังดูในเรื่องราคาซื้อขายอยู่ ปตท.