กลุ่มชาวบ้าน เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้า 4 พื้นที่ จำนวนกว่า 500 คน จากจังหวัดระยอง สระบุรี อยุธยา และฉะเชิงเทรา ชุมนุมปิดถนนบริเวณทางเข้า-ออก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่บางกรวย เรียกร้องให้เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่
. |
วานนี้ (10 พ.ย.51) เมื่อเวลาประมาณ 10.00น.กลุ่มชาวบ้าน เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้า 4 พื้นที่ จำนวนกว่า 500 คน จากเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก จ.ระยอง เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม อ.หนองแซง จ.สระบุรี และ อ.ภาชี จ.อยุธยา เครือข่ายรักษ์แปดริ้ว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และเครือข่ายติดตามผลกระทบโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ได้ชุมนุมปิดถนนบริเวณทางเข้า-ออก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่สำนักงานใหญ่บางกรวย เรียกร้องให้เปิดเผยสัญญา ที่กฟผ.ได้ลงนามซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) |
. |
โดยโครงการที่ กฟผ.ได้ทำการเซ็นต์สัญญา กับบริษัทเอกชนไปแล้วมี 3 โครงการ คือ 1.โรงไฟฟ้าถ่านหิน เก็คโค่-วัน ของ บ.โกลว์-เหมราช ในพื้นที่นิคมมาบตาพุฒิ จ.ระยอง 2.โรงไฟฟ้าก๊าซบางคล้า บ.สยามเอนเนอร์ยีจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ของ บ.กัลฟ์เจพี ในพื้นที่ ต.เสม็ดเหนือ-ใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และ 3.โรงไฟฟ้าหนองแซง ของ บ.เจเนอเรชั่นซัพพลาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บ.กัลฟ์เจพี ในพื้นที่ อ.หนองแซง จ.สระบุรี และ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนโรงไฟฟ้าเขาหินซ้อน ของ บ.ไทยเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด ในพื้นที่ ต.เขาหินซ้อน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ยังไม่มีการเซ็นสัญญา |
. |
ในการชุมนุมกลุ่มชาวบ้านได้ปิดกันเส้นทางการจราจรบริเวณ หน้า กฟผ.และมีการปราศรัยเรียกร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดการลงนามซื้อขายไฟฟ้าจากเอกชนทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ยังมีการแจกแถลงการณ์จากเจ้าของพื้นที่ “กฟผ.ต้องเปิดสัญญาทาส สัญญาโรงไฟฟ้าเอกชน เปิดตัวเลขในสัญญาปล้นประชาชนไปให้นายทุนไทยและต่างชาติ” ระบุว่า โครงการทั้ง 3 โครงการมีมูลค่าการลงทุนถึง 7 แสนล้านบาท โดยมีการเซ็นต์สัญญาที่ไม่โปร่งใส |
. |
ทั้งที่ทุกวันนี้ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้ามากเกินความต้องการถึงร้อยละ 39 แต่ กฟผ.กลับเร่งรีบเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้ากับบริษัทเอกชน ทำให้การเดินทางมาของชาวบ้านในครั้งนี้เพื่อต้องการเห็นสัญญาและอยากรู้ว่ามีรายละเอียดอะไรซ่อนไว้ ทั้งจำนวนปีของอายุสัญญา ผลกำไรของเอกชนและความเสียหายต่อประชาชนในพื้นที่ เพราะประชาชนในพื้นที่ไม่เคยรับรู้ กฟผ.ไม่เคยให้ข้อมูล |
. |
ประชาชนต้องการรู้ ประชาชนคือเจ้าของ กฟผ.ไม่ใช่ของผู้บริหารหรือรัฐบาล กฟผ.ต้องเปิดเผยสัญญาโดยด่วน กฟผ.ต้องเปิดเผยสัญญามูลค่ามากกว่า 7 แสนล้าน โดยด่วน แถลงการณ์ระบุ |
. |
หลังการชุมนุมกว่า 3 ชั่วโมง เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่มชาวบ้านได้เดินเท้าจากถนนด้านนอกเข้าใกล้เขตสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเรียกร้องให้ตัวแทนของ กฟผ.ออกมารับหนังสือและชี้แจงข้อเรียกร้องของชาวบ้าน โดยมีการปราศรัยอยู่ภายนอกรั้ว ในเวลาต่อมาไม่นานนายอภิชาต ดิลกโศภณ รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ กฟผ.และคณะจึงได้เดินทางออกพบชาวบ้าน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆ |
. |
นายตี๋ ตรัยรัตนแสงมณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องซึ่งระบุในจดหมายที่มอบให้แก่ทาง กฟผ.ว่า ผู้บริหารของ กฟผ.จะต้องเปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.และบริษัทเอกชนทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศได้รับรู้ว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาทาส ที่ทำให้ กฟผ.ต้องเอาเงินภาษีหรือเงินค่าไฟฟ้าที่ประชาชนเป็นผู้จ่าย ไปจ่ายค่าความพร้อมจ่ายที่ประกันกำไรให้เอกชน ในตลอด 25 ปีตามสัญญา ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ในส่วนชาวบ้านในพื้นที่ต้องเสียสุขภาพ ต้องสูญเสียสิ่งแวดล้อมที่ดี ถูกแย่งน้ำเพื่อการเกษตรและถูกแย่งน้ำกินน้ำใช้ในหน้าแล้งเนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้าเกินความต้องการ |
. |
"เราไม่ใช่ทาสที่พวกท่านจะมากำหนดชะตาชีวิตของเราได้ เราเป็นเจ้าของพื้นที่เป้าหมายจะสร้างโรงไฟฟ้าและเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าทุกบ้านด้วย เราจะเสียหาย 2 ต่อ ถ้าโรงไฟฟ้าก่อสร้างได้ คือเสียสิ่งแวดล้อม สุขภาพ วิถีชีวิต และยังต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นด้วย เราขอให้ท่านเปิดเผยสัญญาโดยถ่ายสำเนาสัญญาภาษาไทยให้เราโดยด่วน" นายตี๋กล่าว |
. |
. |
นายอภิชาต ดิลกโศภณ รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ กฟผ.ได้กล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า ในส่วนการขอดูเอกสารนั้น สามารถทำได้ตามระเบียบ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ 2540 และการที่ประชาชนยื่นเรื่องมาก็จะพยายามให้คำตอบโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไปดูเงื่อนไขต่างๆ ของข้อกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาในการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนได้ในขณะนี้ "พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารมีลำดับขั้นตอนชัดเจน เมื่อท่านยื่นหนังสือมาแล้ว เราก็บิดพลิ้วไม่ได้" รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ กฟผ.กล่าว |
. |
นอกจากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้ตั้งคำถามถึงธรรมมาภิบาลของ กฟผ.ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานรัฐที่น่าจะทำให้เป็นแบบอย่างสำหรับหน่วยงานอื่นๆ ทั่วไป ไม่ใช่ว่าจะมีการสร้างแล้วไม่เปิดเผยข้อมูลแก่ชาวบ้าน เพราะชาวบ้านคือบุคคลที่ 3 จะได้รับผลกระทบจากการตกลงกันระหว่างรัฐและเอกชนซึ่งไม่สามารถใช้เค้าว่าเจ้ากันได้ และยังได้มีการกำหนดระยะเวลา 30 วันเพื่อที่จะมารอเอาคำตอบจาก กฟผ.อีกครั้ง ก่อนที่จะสลายตัวและแยกย้ายกันเดินทางกลับ |
. |
กฟผ.ยันโปร่งใส ทำสัญญาตามติ กพช. |
หลังจากรับมอบหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิชาตได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายในอาคาร กฟผ.โดยกล่าวยื่นยันว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ผ่านมาเป็นไปตามนโยบายกระทรวงพลังงานที่ให้รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ 4,400 เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2555-2557 ตามแผนพีดีพี หรือแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าที่คำนวณแผนการจัดหาไฟฟ้า |
. |
โดยขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปตามมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีคณะอนุกรรมการประเมินและคัดเลือกข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ซึ่งมีผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จากนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดจะทำหน้าที่ตรวจสอบร่างสัญญา แล้วมอบให้ กฟผ.เป็นผู้ลงนามในสัญญา |
. |
ต่อคำถามถึงเงื่อนไขการประมูลไอพีพีที่กำหนดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อไฟกับบริษัทที่ชนะการประมูลก็ต่อเมื่อศึกษาอีไอเอผ่านทันเวลาที่กำหนด นายอภิชาต กล่าวว่า ในส่วนของกระบวนการในการลงนามในสัญญาได้มีการผ่านการตรวจสอบแล้ว โดยคิดว่าทางคณะอนุกรรมการฯ และอัยการสูงสุดได้พิจารณาในเรื่องนี้มาอย่างถี่ถ้วน กฟผ.เป็นเพียงผู้ลงนาม อย่างไรก็ตามสัญญาที่ลงนามนั้น ยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะผ่านอีไอเอ และในช่วงรอกระบวนการทำอีไอเอบริษัทก็ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างใดๆ ทั้งนี้หากหมดอายุสัญญาทั้งที่อีไอเอยังไม่ผ่านรัฐก็ไม่ต้องทำการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ แก่ทางบริษัท |
. |
. |
"กฟผ.และภาคเอกชนได้มีสัญญาต่อกัน หากไม่ผ่านการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมสัญญาที่ทำไว้กับ กฟผ.ต้องยกเลิกไปและถ้าภาคเอกชนไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ทันตามสัญญาก็ต้องจ่ายค่าปรับให้ กฟผ. ตามสัญญาเช่นกัน ขณะเดียวกันหากบริษัทใดผ่านการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็ต้องรีบดำเนินการก่อสร้างภายใน 2 ปี ไม่เช่นนั้นต้องดำเนินการขอไออีเอใหม่ตามกฎระเบียบของอีไอเอ" รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ กฟผ.กล่าว |
. |
ในส่วนที่ความเห็นที่ว่าการลงนามไปก่อนจะมีผลผูกพันให้จะต้องมีการผ่านอีไอเอตามมาหรือไม่นั้น นายอภิชาตแสดงความเห็นว่า การดำเนินการที่ผ่านมามีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเป็นไปตามกระบวนการแล้ว ไม่นาจะมีผลกระทบ |
. |
ส่วนการที่บริษัทเอกชนซื้อและจะดำเนินการปรับแต่งพื้นที่นั้นเป็นสิทธิที่เจ้าของที่ดินจะกระทำได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำอีไอเอ อีกทั้งในการยื่นเสนอก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า บริษัทผู้ยื่นฯ เองจะเป็นผู้เลือกพื้นที่ เพราะจะมีผลต่อการกำหนดราคาค่าไฟฟ้าที่ถูกลงเพื่อต่อรองในการประมูล นอกจากนี้การซื้อที่ดินเพื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บุคคลทั่วไปสามารถทำได้ |
. |
ต่อคำถามเกี่ยวกับการปรับแผนการพีดีพีใหม่ที่อาจมีผลกระทบต่อการการชะลอการก่อสร้าง และการรับซื้อไฟฟ้าใหม่จากไอพีพีเข้าสู่ระบบ นายอภิชาตกล่าวว่า การก่อสร้าง รวมทั้งการรับซื้อไฟฟ้าเป็นไปตามพีดีพีของกระทรวงพลังงาน ซึ่งการปรับลดพีดีพีขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ ความต้องการ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็สังเกตได้ว่ามีการแกว่งตัวที่สูง ทั้งนี้ กฟผ.มีหน้าที่ดูแลให้ไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งประเทศ การก่อสร้างดรงไฟฟ้าแต่ละแห่งต้องใช้ระยะเวลานาน ในอนาคตหากกิจกรรมทุกย่างยังคงเป็นไปตามเดิมแต่ไม่มีไฟฟ้าเข้ามาในระบบเพราะมีการปรับลด ก็อาจะมีปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอได้ |
. |
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนขณะนี้ระบุว่า กฟผ.ได้ปรับแผนพีดีพีใหม่ จากอัตราการชะลอตัวของการใช้ไฟฟ้าที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ และสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าคาดการณ์ โดยพยายามจะลดสำรองไฟฟ้าที่สูงประมาณ ร้อยละ 25-26 ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ร้อยละ 15 โดยแนวทางการปรับแผนใหม่ จะมีทั้งการชะลอการก่อสร้าง การรับซื้อไฟฟ้าใหม่เข้าระบบ และการลดการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทีมีประสิทธิภาพต่ำ |
. |
. |
ทั้งนี้ เกี่ยวกับการลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.51 นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ. ได้ร่วมลงนามสัญญาซื้อชายไฟฟ้ากับนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้อำนวยการ บ.สยาม เอ็นเนอร์จี จำกัด และ บ.เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น ซัพพลาย จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดย บ.กัลฟ์ เจพี เป็นโครงการลำดับ 2 และ 3 ของไอพีพี รอบปี 2555-2557 ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ก.ย.51 กฟผ.ได้ลงนามกับ บ.เก็คโค่-วัน จำกัด ซึ่งเป็นโครงการแรกของไอพีพีรอบใหม่ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 660 เมกะวัตต์ |
. |
อนึ่ง โรงไฟฟ้าของ บริษัท สยาม เอ็นเนอร์จี จำกัด ในพื้นที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา มีกำหนดจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมีนาคม และกันยายน 2555 ส่วนโรงไฟฟ้าของบริษัท เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น ซัพพลาย จำกัด ในพื้นที่ อ.หนองแซง จ.สระบุรี มีกำหนดจำหน่ายไฟฟ้าเดือนมิถุนายนและธันวาคม 2557 ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าของทั้งสองบริษัทจะจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. โครงการละจำนวน 1,600 เมกะวัตต์ มีอายุสัญญาละ 25 ปี |
. |
เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้า 4 พื้นที่: เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก จ.ระยอง เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม อ.หนองแซง จ. สระบุรี และ อ.ภาชี จ.อยุธยา เครือข่ายรักษ์แปดริ้ว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เครือข่ายติดตามผลกระทบโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา |
. |
10 พฤศจิกายน 2551 |
. |
เรื่อง ขอให้เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.กับ บ.เก็คโค่-วัน และ กฟผ.กับ บ.กัลฟ์-เจพี |
. |
เรียน ประธานกรรมการ กฟผ., กรรมการ กฟผ.ทุกท่าน, ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, ประธานสหภาพแรงงาน กฟผ. |
. |
พวกเราทั้ง สี่พื้นที่ เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอกชน 4 พื้นที่ 4โรงไฟฟ้าซึ่งประมูลได้เมื่อต้นปี2551 นี้ ขณะนี้เรา-องค์กรประชาชนทั้ง 4 พื้นที่กำลังดำเนินการคัดค้านโครงการ ไอพีพี ทั้ง 4 พื้นที่ไม่ให้ก่อสร้าง คือ |
|
. |
วันนี้ เราประชาชนในชุมชนที่อยู่ล้อมรอบโรงไฟฟ้าทั้ง 4 พื้นที่ เป็นผู้ได้รับผลเสียโดยตรงจากโครงการทั้ง 4 เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไฟฟ้า แต่ กฟผ. ไม่ได้เปิดให้เรามีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเซ็นต์สัญญาหรือไม่ ทั้งๆ ที่ได้มีการยื่นหนังสือคัดค้านการเซ็นต์สัญญาระหว่าง กฟผ.และ บ.กัลฟ์เจพี หรือ บ.เพาเวอร์เจเนอเรชั่นซัพพลายจำกัด เมื่อวันที่ 1 ตค. 51 (จดหมายคัดค้านการเซ็นต์สัญญาของเครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม อ.หนองแซง จ.สระบุรี) เราเรียกร้องให้ผู้บริหารของ กฟผ.เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.และ บ.เอกชน ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศได้รับรู้ว่าสัญญานี้เป็นสัญญาทาส ที่ทำให้ กฟผ.ต้องเอาเงินภาษี หรือ เงินค่าไฟฟ้าที่ประชาชนเป็นผู้จ่าย ไปจ่ายค่าความพร้อมจ่ายที่ประกันกำไรให้เอกชน โดยจ่ายตลอด 25 ปีตามสัญญา ซึ่งทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่ต้องเสียสุขภาพ, ต้องสูญเสียสิ่งแวดล้อมที่ดี ถูกแย่งน้ำเพื่อการเกษตรและถูกแย่งน้ำกินน้ำใช้ในหน้าแล้งเนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้าเกินความต้องการ |
. |
เราไม่ใช่ทาสที่พวกท่านจะมากำหนดชะตาชีวิตของเราได้ เราเป็นเจ้าของพื้นที่เป้าหมายจะสร้างโรงไฟฟ้าและเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าทุกบ้านด้วย เราจะเสียหาย 2 ต่อ ถ้าโรงไฟฟ้าก่อสร้างได้ คือเสียสิ่งแวดล้อม สุขภาพ วิถีชีวิต และยังต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นด้วย เราขอให้ท่านเปิดเผยสัญญาโดยถ่ายสำเนาสัญญาภาษาไทยให้เราโดยด่วน |
. |
ขอแสดงความนับถือ |
เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม เครือข่ายรักษ์แปดริ้ว เครือข่ายติดตามฯ รฟ.ถ่านหินเขาหินซ้อน |
. |
ที่มา : http://www.prachatai.com
|