นายคนิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปี 52 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4% ชะลอลงเล็กน้อยจาก 5% ในปีนี้ และมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะจากที่ภาครัฐผลักดันการใช้จ่ายงบประมาณผ่านการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างจริงจัง ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง แม้ว่าจะมีการเบิกจ่ายจริงไม่มากเท่าที่คาดหวังไว้ 

ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องตึงตัวที่มีความกังวลกันนั้น กระทรวงการคลังก็ยังดูแลอย่างใกล้ชิด โดยให้ธนาคารพาณิชย์ของรัฐเร่งปล่อยสินเชื่อและมีการพูดคุยกับทางธนาคารพาณิชย์เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อกับภาคธุรกิจให้มากขึ้น และให้ความมั่นใจว่าปัญหาวิกฤติการเงินโลกไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก

"ตอนนี้หลังจากที่ยุโรปและอเมริกาเกิดวิกฤติการเงินจนขณะนี้เริ่มเห็นทิศทางการปรับตัวของประเทศแถบเอเชียที่เริ่มปรับตัวได้ และเชื่อว่าตลาดหุ้นก็จะไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนช่วงที่เกิดวิกฤติใหม่ๆ และตอนนี้ตลาดหุ้นก็เริ่มจะมีเสถียรภาพ"นายคณิศ กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ"วิกฤติสหรัฐส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย"

นายคณิศ เชื่อว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาจากผลกระทบเศรษฐกิจโลก แต่ก็เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจและถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านกองทุนรวม ด้วยการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นปันผลระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ดี

ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีนักลงทุนรายย่อยมีความสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นหลังจากที่นักลงทุนต่างชาติเทขายในทุกราคา จึงเชื่อว่านักลงทุนไทยมีความรู้เพิ่มมากขึ้นแล้ว