บอร์ดบีโอไอ เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 10 เดือน จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น ส่วนมูลค่าการลงทุนลดลงร้อยละ 21 อุตสาหกรรมบริการ สาธารณูปโภค อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังครองแชมป์ลงทุนต่อเนื่อง
บอร์ดบีโอไอ เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 10 เดือน จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น ส่วนมูลค่าการลงทุนลดลงร้อยละ 21 อุตสาหกรรมบริการ สาธารณูปโภค อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังครองแชมป์ลงทุนต่อเนื่อง |
. |
นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า บีโอไอได้รายงานถึงสถานการณ์ภาวะการลงทุนในช่วง 10 เดือน (ม.ค. — ต.ค. 51) ของปีนี้ ว่า มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,080 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.24 เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริมในช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 1,036 โครงการ ส่วนมูลค่าเงินลงทุนของช่วง 10 เดือนปีนี้ มีมูลค่า 376,900 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21 ของช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 477,900 ล้านบาท |
. |
"การที่มูลค่าการขอรับส่งเสริมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีโครงการด้านสาธารณูปโภค และปิโตรเคมี เป็นมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท" นายโอฬารกล่าว |
. |
สำหรับกิจการที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงสุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าการลงทุนรวม 139,900 ล้านบาท โดยมีโครงการลงทุนที่สำคัญ เช่น กิจการโรงแรม โรงไฟฟ้า กิจการขนส่งทางอากาศ เป็นต้น รองลงมาคือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนรวม 69,300 ล้านบาท มีโครงการสำคัญ คือการผลิตแผ่น เวเฟอร์ สำหรับเซลล์แสงอาทิตย์ โครงการผลิตหลอด LED เป็นต้น |
. |
รองลงมาคือ กลุ่มอุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าการลงทุนรวม 56,200 ล้านบาท มีโครงการสำคัญ คือ การผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์ โครงการผลิตเกียร์รถขับเคลื่อน 4 ล้อ โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ Mould & Die ที่มีกว่า 20 โครงการ เป็นต้น |
. |
ส่วนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในช่วง 10 เดือน มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 712 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนมูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 35 ค่ากว่า 247,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 378,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ยังคงเป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น มูลค่าเงินลงทุนรวม 72,863 ล้านบาท ยุโรป มูลค่าเงินลงทุนรวม 61,652 ล้านบาท และอาเซียน มูลค่าเงินลงทุน 43,940 ล้านบาท |