"ยอดการใช้พลังงานทดแทน ทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันไบโอดีเซล B5 ในช่วง 4 วันที่ผ่านมามียอดการใช้เพิ่มขึ้นนับแสนลิตรต่อวัน หลังจากรัฐบาลได้เพิ่มส่วนต่างระหว่างไบโอดีเซล B2 กับ B5 เป็นลิตรละ 1 บาท ทำให้ความต้องการใช้ไบโอดีเซลสูงขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มในช่วงราคาตกต่ำ" นพ. วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าว

ด้านนาย พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศ แม้ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่การส่งออกและการท่องเที่ยวที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศก็ได้รับผลกระทบ

ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งผลักดันการลงทุนและการบริโภคในประเทศ รวมถึงการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะการใช้พลังงานทดแทนที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศ

"แม้ราคาน้ำมันจะเข้าสู่ช่วงขาลง แต่ก็มีโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นไปสูงอีก และทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินจากการนำเข้าพลังงานอีก 200,000 ล้านบาท เหมือนเมื่อปี 2550" นายพรชัย กล่าว

สำหรับการปรับแผน PDP 2007 นั้นจะเป็นการทยอยปรับลดลงให้สอดคล้องกับปริมาณเชื้อเพลิงและความต้องการใช้จริง หลังพบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าปีนี้ต่ำกว่าแผนเดิม โดยเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% และส่งผลให้สำรองไฟฟ้าสูงถึง 28% ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า  

นอกจากการปรับแผน PDP 2007 แล้ว กฟผ.จะพิจารณาตัดโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดีเซล-น้ำมันเตาออกไป ซึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้เพราะต้นทุนสูง โดยอาจจะนำมาเป็นโรงไฟฟ้าสำรอง ขณะที่มีการเลื่อนรับซื้อไฟฟ้าจากลาวไป 1 ปี ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3,000  เมกะวัตต์ กฟผ.ยังคงสร้างเช่นเดิมไม่มีการเลื่อนออกไป ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4,000 เมกะวัตต์ก็ยังไม่ปรับเปลี่ยน เพราะขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมการศึกษาและสร้างความยอมรับจากประชาชน

"แผนพีดีพีจะต้องพิจารณาเรื่องการกระจายเชื้อเพลิง จากที่ปัจจุบันใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ 70 และการที่อัตราการใช้ไฟฟ้าต่ำกว่าคาดการณ์ในปีนี้เป็นผลมาจากอากาศเย็น แต่หากอากาศกลับมาร้อนตามปกติ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกพลิกกลับมาดีขึ้นทำให้การส่งออกดีขึ้น โรงไฟฟ้าก็ต้องเตรียมให้พร้อม" นายพรชัย กล่าว