กว่า 3 ปี หลังบอกลาหน้าที่ "ผู้บริหารธุรกิจ" ของบริษัทโปรดักส์ดีไซน์อย่าง Propaganda เพื่อมา "บริหารชีวิต" ของตัวเองด้วยสิ่งที่เธอรักมากที่สุดอย่างการ "วาดรูป" ณ วันนี้ ความรู้สึกของพี่ตุ๊ก เมตตา สุดสวาท ที่บอกกับฉันพร้อมรอยยิ้มก็คือ "ก็ยังสุขเหมือนเดิมค่ะ"
. |
อุณหภูมิความร้อนในตัวค่อยลดระดับองศา เมื่อได้จิบน้ำเย็นๆ ในแก้วทรงเก๋ที่เจ้าของบ้านบรรจงเสิร์ฟด้วยใจ แต่อาจไม่ใช่แค่น้ำแข็งในแก้วเท่านั้นที่ช่วยดับร้อน เพราะดูเหมือนสิ่งที่สำคัญกว่า คือรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรีและอาการกุลีกุจอของเจ้าบ้าน ที่ดูเต็มอกเต็มใจต้อนรับผู้มาเยือนหน้าใหม่เสมือนคนในครอบครัว |
. |
บรรยากาศภายในห้องพักเพียงไม่กี่ตารางเมตรแห่งนี้ ดูอบอุ่น เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความมีรสนิยม และที่มากไปกว่านั้น มันคือ “บ้าน” ที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ที่ถ่ายเท หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาระหว่างผู้อาศัยและทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมอยู่ใน "บ้าน" |
. |
"บ้าน" ของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังตั้งอกตั้งใจ จัดแจงสถานที่เพื่อรับรองแขกอย่างฉัน เลยทำให้อาการเก้อเขินที่กำลังจะหายไป กลับเพิ่มกำลังมากขึ้นไปอีก เพราะไม่เพียงเป็น "ครั้งแรก" ที่ได้พบหน้า แต่ผู้หญิงที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาคนนี้ คือคนที่ฉันแอบปลื้มเป็นที่สุข
|
. |
กว่า 3 ปี หลังบอกลาหน้าที่ "ผู้บริหารธุรกิจ" ของบริษัทโปรดักส์ดีไซน์อย่าง Propaganda เพื่อมา "บริหารชีวิต" ของตัวเองด้วยสิ่งที่เธอรักมากที่สุดอย่างการ "วาดรูป" ณ วันนี้ ความรู้สึกของพี่ตุ๊ก – เมตตา สุดสวาท ที่บอกกับฉันพร้อมรอยยิ้มก็คือ "ก็ยังสุขเหมือนเดิมค่ะ" |
. |
เชื่อว่าความรู้สึกของหลายๆ คนที่รู้เรื่องราวของพี่ตุ๊กคงไม่ต่างกัน คือ นอกเหนือจากความทึ่งและอิจฉาแบบน่ารักกับความสุขแบบ "เรียบง่าย" ที่ "เลือกได้" ของพี่ตุ๊กแล้ว ก็คือความสงสัยในสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจ "ทิ้ง" ในสิ่งที่หลายคนอยากมีและอยากเป็น เพราะ "ความทุกข์" หรือเปล่า? ที่ทำให้เธอหันหลังให้กับสิ่งที่เคยมี เคยเป็น |
. |
"เราต้องดูก่อนว่าความหมายของทุกข์มันคืออะไร ถ้าในทางพุทธเครียดนิดนึงก็ถือว่าไม่เป็นสุขแล้ว จะเรียก "ทุกข์" ก็ได้ พี่ตุ๊กมาตีความหลังจากที่หลังๆ อ่านหนังสือธรรมะบ่อยขึ้น ก็เลยมองว่า สมัยก่อนเราคงจะเครียดมาก เราอาจจะไม่รู้วิธีที่จะปล่อยวางกับปัญหาที่เราเจอ กับความรับผิดชอบที่เป็นผู้บริหาร" |
. |
. |
"ปัญหามันมีอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดาโลกที่มันจะต้องเกิด แต่ว่าพอมันเกิดแล้ว พี่ตุ๊กไม่เข้าใจมัน ไปเก็บมันมาเป็นความเครียด แก้ได้บ้าง แก้ไม่ได้บ้าง แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวซึ่งเป็นข้อเสีย คือเป็นคนที่สมัยก่อนปล่อยวางไม่ค่อยเป็น แล้วก็เป็นคนที่ลงรายละเอียดเยอะ เป็นคนที่เล็กๆ น้อยๆ ก็จะไม่มองข้าม จะไม่ปล่อยผ่าน" |
. |
"เวลาเราเจอปัญหาเราจะมีความรู้สึกว่า เราต้องแก้ให้ได้และมันจะต้องไม่กลับมาอีก แต่จริงๆ แล้วปัญหามันก็คือปัญหา มันไม่หายหรอก คือ แก้ได้เฉพาะ ณ วันนี้ เวลานี้ อนาคตอะไรมันจะเกิดขึ้นอีกเราบอกไม่ได้ และปัญหาเดิมมันก็อาจจะเกิดขึ้นอีก กลับมาอีก ซึ่งพี่มาเข้าใจตอนหลัง จริงๆ แล้วสมัยนั้นควรจะเข้าใจให้ได้ว่า ปัญหามันมีเพื่อให้เราแก้" |
. |
"เพราะเรามีหน้าที่มาเพื่อแก้ปัญหา พอแก้แล้วอย่าไปคาดหวังว่ามันจะไม่เกิดอีก มันจะเกิดอีก แล้วก็จะแก้อีก จะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันเป็นหน้าที่ แต่ตอนนั้นเราไม่เข้าใจหน้าที่ของเรา เราก็เก็บทุกอย่างเป็นความเครียด เราก็นอนไม่หลับ เราก็รู้สึกเหนื่อย อ่อนล้าอยู่ข้างใน รู้สึกว่าจิตใจมันไม่สงบเลย" |
. |
ช่วงระหว่างความสับสนวุ่นวายในหน้าที่การงานที่แทบจะไม่มีวันหยุดพัก ในมุมนึงของชีวิต เมล็ดพันธุ์ของความรักในงานศิลปะและ "การวาดรูป" ที่ถูกเพาะไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ กลับกำลังเติบโตอย่างเงียบๆ จนวันนึงดอกผลของมันเริ่มงอกงามเบ่งบาน ให้เธอได้เก็บเกี่ยวความหอมหวานเป็น "อาหารเสริม" ในบางครั้งบางคราวของชีวิต จนกระทั่งกลายมาเป็น "อาหารหลัก" ของชีวิตในที่สุด |
. |
"ตอนไปเที่ยวหัวหินไม่ได้เอากล้องไป ตอนนั้นมีสีติดไปด้วย ก็เอาสีมาวาดเล่นกันตามประสาพี่ๆ น้องๆ แทนการถ่ายรูป ก็เลยรู้สึกสนุก จนมีคนแนะนำว่าถ้าสนใจจริงๆ ก็น่าจะไปเรียน ช่วงแรกๆ ก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย บางครั้งติดงานก็ไม่ได้เรียน เราก็โหยหาอยากวาดรูป ส่วนงานที่ทำก็เริ่มหมดแรง เครียด จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งก็ถามอาจารย์สอนวาดรูปว่า อยากออกมาเรียนอย่างเดียวได้ไหม" |
. |
"ถ้าต้องทำงานแบบนี้ต่อไป เรารู้สึกว่าไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นพันธนาการมากกว่า ทำไมต้องมีบ้านหรือมีรถ มันก็แค่นั้นแหละ ก็เลยอยากปลดพันธนาการ อยากเป็นใครซักคนที่อิสระที่สุด..." (บทสัมภาษณ์ในกรุงเทพธุรกิจ : กายใจ, ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2549) |
. |
. |
"ทุกครั้งที่เราวาดรูปเรามีความสุข ทุกครั้งที่เราเห็นพัฒนาการของเราแม้แต่นิดเดียว เรามีความสุข เรามีความรู้สึกว่า ความสุขแบบนี้ กับความสุขที่เราแลกด้วยความเครียด ด้วยเงิน ด้วยการไปดูหนัง ด้วยการไปซื้อข้าวของต่างๆ ตามที่เราพอใจ มันเทียบกันไม่ได้ ถ้าคนเราเลือก พบในสิ่งที่รักแล้ว แล้วก็อยากมีความสุขกับตรงนั้นเนี่ย เราคิดถึงสิ่งนั้นก่อนเลยได้มั้ยในการดำเนินชีวิต โดยไม่ต้องคิดถึงว่ารายได้จะมาจากไหน เงินทองจะมาจากไหน" |
. |
เมื่อตัดสินใจลาออกจากงาน ขายหุ้น ขายรถ ปลดหนี้บัตรเครดิต แล้วมาใช้ชีวิตกับการ "วาดรูป" เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงความสุขที่เธอได้รับอย่างที่ต้องการ การวาดรูปยังสอนให้เธอเข้าใจความเป็นจริงอีกหลายๆ อย่างในชีวิตด้วย |
. |
"พอเราได้มาวาดรูป ได้มาอยู่สงบๆ ความสงบทำให้เราเหมือนกับว่าเกิดเข้าใจธรรมะขึ้นมา ก็เลยสนใจหนังสือธรรมะ พออ่านแล้วก็เริ่มเข้าใจย้อนหลัง ว่าเมื่อก่อนเราเป็นยังไง ทำไมเราเป็นอย่างนั้น อันนี้มันนิสัยเราเมื่อก่อนนะนี่ อันนี้ก็คือการที่เรามองไม่เห็น" |
. |
"หนังสือคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธทาส ท่านเขียนไว้ว่า เวลาที่เราทำงาน แล้วมีสมาธิ มีสติอยู่กับการทำงาน เราก็เข้าใจธรรมะได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ขาย คนกวาดถนนกำลังกวาดถนน มีสติใส่ใจในงาน ก็เกิดเข้าใจธรรมะได้เหมือนกัน เราก็เลยเกิดความรู้สึกว่า หรือว่าเราเข้าใจแล้ว ทำไมใกล้ตัวเราอย่างนี้ คืออยู่ข้างในเราอย่างนี้นี่เอง จากนั้นก็เลยสนใจ แล้วก็อ่านเรื่อยมา" |
. |
"พอเรานิ่ง พอจิตเราสงบ เหมือนกับเราคิดไปได้เองเป็นขั้นๆ ๆ" |
วิถีแห่งความสุขที่หลายคนอิจฉา จนอยากปลดปล่อยพันธนาการทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมาใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการแบบพี่ตุ๊ก ฉันเชื่อว่าหลายคนคงทำได้ แต่อีกหลายคนก็คงทำได้ "แค่คิด" ซึ่งอาจไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรอย่างแท้จริง? ฉันเองก็ว่ามันไม่ง่ายเลย |
. |
แล้วพี่ตุ๊กค้นพบมันได้อย่างไร? |
"อยู่บนพื้นฐานของความจริง แล้วก็มีความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง มันก็ไม่ได้มีขบวนการอะไรในความคิด เพียงแต่ว่าเรารู้สึกอย่างนั้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราคิด แล้วก็มองให้เห็นถึงความจริงว่า มนุษย์คนหนึ่งจะประสบความสำเร็จในชีวิตเนี่ย เค้ามองกันที่อะไร? แล้วเค้าคือใคร? เค้าก็คือใครก็ไม่รู้ในสังคมรอบนอกซึ่งไม่ใช่ตัวเรา บางทีเราไม่รู้จักด้วยซ้ำ เค้าก็จะมองว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเนี่ยอาจจะต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่า? เป็นคนที่มีธุรกิจส่วนตัว ประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ" |
. |
. |
"โลกทุกวันนี้มันบีบลงไปอย่างนั้นเลย ว่าต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ มีเงินใช้จ่ายสบาย นั่นคือคนที่ประสบความสำเร็จ แต่จริงๆ แล้วพี่มองว่ามันไม่ใช่ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตน่าจะเป็นคนที่ รู้จักตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร? ตัวเองจะหาห้องในหัวใจที่สงบสุขอยู่ได้อย่างไร? จะมีที่ที่สงบอยู่ได้อย่างไรในเวลาที่สงัด อยู่กับมันได้อย่างไร ไม่เอาใจไปอยู่ที่อื่น ที่อื่น ที่อื่น แล้วก็เหงา เหงา เหงา คืออยู่กับตัวเองได้อย่างนิ่งๆ รู้จักที่จะจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น มีสภาวะจิตใจที่สงบ พอเราสงบเรามีสติ เราก็แก้ปัญหาได้" |
. |
ผ่านไปเกือบ 2 ปี ในวิถีชีวิตที่เธอเลือกเพราะรัก "ความสุข" เข้ามาโอบล้อมหัวใจอย่างไม่ขาดสาย จนคนตัวเล็กๆ อย่างเธอเริ่มรับมือไม่ไหว ต้องหาวิธีแบ่งปันให้คนรอบข้างรับกันไปบ้าง หนึ่งในวิธีการแจกจ่ายความสุขของเธอให้คนอื่นๆ ก็คือหนังสือ 2 เล่ม ที่ชื่อ "สุข...จนต้องระบาย" และ "ระบายให้อร่อย" ซึ่งเจ้าตัวบรรจงเขียน บรรจงวาด เพื่อบอกให้รู้ว่า ความสุขที่เธอได้มาไม่จำเป็นต้องจ่ายและอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง |
. |
ตลอดระยะเวลาของการพูดคุย ฉันยอมรับว่า เชื่ออย่างสนิทใจถึงความสุขในวิถีที่เธอค้นพบ เพราะไม่เพียงถ้อยคำที่เอ่ยออกมา แต่แววตาที่เปล่งประกายฉายส่องมาที่ฉัน มันบอกอย่างชัดเจนว่า ความสุขในแบบที่เธอได้มาคือของแท้ อยู่นาน และมันเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง |
. |
จะไม่ให้เชื่อได้อย่างไร ในเมื่อพี่ตุ๊กของเรามีรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนสาววัยแรกรุ่นซะขนาดนั้น |
. |
ข้อมูลเพิ่มเติม |
o สุข...จนต้องระบาย, สำนักพิมพ์สุขภาพใจ 2549, ราคา 185 บาท o ระบายให้อร่อย, ฟีโนมีนา พับลิชชิ่ง 2549, ราคา 195 บาท |
. |
นภาธิต วัฒนถาวร: รายงาน / napatit@se-ed.com |
ที่มา : Add Free Magazine |