เนื้อหาวันที่ : 2008-10-24 09:59:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1350 views

บีโอไอ เตือนเร่งสรุปเซาท์เทิร์นซีบอร์ดรับการลงทุนวัฎจักรปิโตรฯ รอบใหม่

บีโอไอ เผยไทยมีขนาดธุรกิจปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายการลงทุนรอบต่อไปของวัฎจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่านช่วง 1-2 ปีนี้ เร่งขยาย อีสเทิร์นซีบอร์ดหรือพื้นที่ใหม่

.

.

บีโอไอ เผยไทยมีขนาดธุรกิจปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายการลงทุนรอบต่อไปของวัฎจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่านช่วง 1-2 ปีนี้ เร่งขยาย อีสเทิร์นซีบอร์ดหรือพื้นที่ใหม่

.

นาง หิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เตือนรัฐใช้ช่วงปิโตรเคมีขาลงเตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายการลงทุนรอบต่อไปของวัฎจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่านช่วง 1-2 ปีนี้ไปแล้ว

.

ในช่วงปี 2549 -2550 ประเทศไทยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครั้งใหญ่มูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาทไปแล้ว ดังนั้น ในระยะ 1-2 ปีนี้คงจะยังไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น ขณะที่วัฎจักรการลงทุนของกลุ่มปิโตรเคมีจะใช้เวลา 4-7 ปี ดังนั้น ในช่วงนี้จึงจะเป็นเพียงการลงทุนในรูปแบบของขยายกิจการหรือการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ ที่มีมูลค่าลงทุนไม่มากนัก

.

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยมีขนาดธุรกิจปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยลงทุนไปก่อนหน้านี้ 500,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ปีละ 400,000 ล้านบาท แม้ขณะนี้ปัญหาเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบพื้นที่ในภาคตะวันออกเริ่มเต็ม

.

ดังนั้น หากรัฐบาลจะเห็นการขยายการลงทุนรอบต่อไป ควรมีคำตอบให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งเรื่องการขยายพื้นที่ในอีสเทิร์นซีบอร์ด หรือจะผลักดันการลงทุนในพื้นที่ใหม่ เช่น เซาท์เทิร์นซีบอร์ด โดยต้องตัดสินใจโดยเร็ว เพราะประเทศคู่แข่ง อย่างสิงคโปร์ได้ถมพื้นที่ทะเลเขตจูล่งพร้อมรองรับการลงทุนทันที ดังนั้นหากไทยไม่เตรียมความพร้อมก็อาจจะเสียโอกาสได้