ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 52 จะขยายตัวราว 4.0-4.5% ชะลอตัวลงจากปีนี้ที่ขยายตัวในระดับ 4.5-5.0% ซึ่งเป็นผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ส่วนปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาคงไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนักเพราะมีมูลค่าการค้าเพียง 3.5 หมื่นล้านบาท             

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์ฯ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์ฯ กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติทางการเงินโลกจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทยในปีหน้ามากกว่าไตรมาส 4/51 โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและการส่งออก เพราะในปลายปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะประสบปัญหาภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง และยังไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัว แม้ว่าธุรกิจจะมีกำไร แต่ยอดขายลดลง การจ้างงานทรงตัว 

ภาคธุรกิจมองว่านโยบาย 6 มาตรการ รับมือภาวะวิกฤติการเงินโลกที่รัฐบาลประกาศออกมาไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังต้องรอดูนโยบายที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการส่งออก ว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศช่วงครึ่งแรกของปี 52 ได้มากน้อยเพียงใด  

ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/51 จะขยายตัว 4 % ขณะที่การบริโภคในประเทศ ขยายตัว 2-2.5 %  และการว่างงานอยู่ที่ 1.7-1.8 % ส่งผลเศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวได้ 4.5-5.0% โดยหากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะขยายตัวในขั้นต่ำของการคาดการณ์คือ 4.5 %

สำหรับรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศจนถึงขั้นต้องปิดด่านการค้าชายแดน แต่ก็อาจมีโอกาสปิดเป็นการชั่วคราวบ้างในระยะเวลาสั้นๆ โดยปัจจุบันการค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา มีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทย ได้แก่ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค และรถจักรยานยนต์ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาไม่ถึง 10,000 ล้านบาท