ทำไมต้องให้ครบ 5 ส่วน แล้ว 5 ส่วนที่ว่ามีอะไรบ้าง มีปริมาณขนาดไหน กี่กิโลหรือกี่ขีด คำถามทุกข้อมีคำตอบแน่นอน
อย่าเพิ่งตกอกตกใจไปค่ะว่าดิฉันตั้งคำถามง่ายๆ ที่คุณๆ อาจบอกว่า กินให้ครบ 5 หมู่น่ะเหรอ เด็กประถมก็ตอบได้ จริงๆ แล้ว คำถามนี้ดิฉันหมายถึง การกินผักผลไม้ให้ครบ 5 ส่วนต่างหากละค่ะ คุณอาจถามกลับว่า ทำไมต้องให้ครบ 5 ส่วน แล้ว 5 ส่วนที่ว่ามีอะไรบ้าง มีปริมาณขนาดไหน กี่กิโลหรือกี่ขีด คำถามทุกข้อมีคำตอบแน่นอน ไปติดตามกันเลยค่ะ
เหตุผลหลักๆ ที่ควรจะกินผักผลไม้ให้ครบ 5 ส่วนในแต่ละวัน ก็เนื่องจากผักผลไม้จะไปช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ ที่อาจทำให้อายุสั้นลง เช่น
โรคมะเร็ง คนที่กินผักผลไม้ได้ครบ 5 ส่วน จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งลงได้ถึงร้อยละ 85 ยิ่งถ้าใครกินผักจำพวก กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา และผลไม้แห้งร่วมด้วย ก็จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ส่วนมะเร็งปอดนั้นจะลดลงถึง 1 ใน 4 (เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 4 ในคนไทย และพบมากเป็นอันดับ 1 ในชายไทย) และผู้ที่ไม่ค่อยกินผักผลไม้ที่มีสีแดง เหลือง หรือส้ม จะเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนังขึ้นเป็น 2 เท่า
ส่วนคุณสาวๆ ที่กินผักผลไม้เป็นประจำ โอกาสที่จะเกิดเนื้องอกในมดลูกจะมีน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยกินผักผลไม้ และใครที่กลัวมะเร็งลำไส้ใหญ่ สถาบันมะเร็งแห่งชาติอเมริกาบอกว่า ให้กินผักตระกูลกะหล่ำเอาไว้เยอะๆ รับรองปลอดภัย ยิ่งถ้ากินบรอกโคลีได้สัปดาห์ละ 3 ส่วนบริโภค ก็จะยิ่งลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ทีเดียวเชียว
โรคหัวใจ ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์พบว่า การกินแอปเปิลแค่วันละ 1 ผล จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลงได้ถึงร้อยละ 20 ถ้ากินกล้วยหอมและส้มเพิ่มเข้าไปด้วยวันละ 1 ผล ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้อีกถึงร้อยละ 50 ส่วนผู้ที่กินแคร์รอตได้วันละ 2 หัวครึ่ง จะช่วยลดคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจลงได้ถึงร้อยละ 11 ภายในเวลา 3 สัปดาห์
โรคความจำเสื่อมตามวัย ซึ่งเป็นอาการที่สร้างความลำบากให้กับตัวเองและคนรอบข้างเมื่ออายุมากขึ้น ป้องกันไว้ก่อนด้วยการกินบลูเบอร์รี่วันละครึ่งถ้วยตวงทุกวัน
โรคกระดูกเสื่อม ผักใบเขียวอย่างคะน้าและบรอกโคลีมีแคลเซียมสูง ส่วนหอมหัวใหญ่ก็มีสารยับยั้งการเสื่อมของกระดูก การกินหัวหอมใหญ่วันละ 1 กรัม ก็เพียงพอที่จะเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้แล้ว
โรคเส้นเลือดในสมอง คนที่กินผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม เช่น กล้วยหอม องุ่น กะหล่ำปลี หรือคนที่ชอบดื่มน้ำส้มหรือน้ำเกรปฟรุตวันละ 1 แก้ว จะลดโอกาสการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองลงได้
โรคหอบหืดจะลดความรุนแรงลง ถ้ากินมะเขือเทศวันเว้นวัน หรือกินแอปเปิลวันละผล
โรคต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย มีการวิจัยพบว่าคนที่กินผักผลไม้น้อยกว่าวันละ 1.5 ส่วนจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นถึงร้อยละ 600 ทีเดียว น่ากลัวเชียวค่ะ
เท่าที่ยกตัวอย่างมา เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ทราบเป็นไอเดีย ใครที่ไม่ชอบกินผักผลไม้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด โปรดทราบเลยค่ะว่าคุณมีโอกาสเกิดโรคต่างๆ เหล่านั้นในอัตราสูงกว่าคนที่กินผักผลไม้เป็นประจำ คำว่า 5 ส่วนบริโภคนั้นหมายถึง การกินผักให้ได้วันละ 3 ส่วน และผลไม้อีก 2 ส่วน 1 ส่วนบริโภคมีปริมาณขนาดไหนดูได้จากรายละเอียดต่อไปนี้เลยค่ะ
ผลไม้ขนาดใหญ่ที่หั่นเป็นชิ้นได้ 1 ชิ้นใหญ่
ผลไม้ที่เป็นผลขนาดกลาง 1 ผล
ผลไม้ที่เป็นผลขนาดเล็ก 2 ผล
ผลไม้กลุ่มเบอร์รี เช่น องุ่น 1 ถ้วยกาแฟชนิดมัก
ผลไม้แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผลไม้แท้ 150 มิลลิลิตร
ผักสลัด 1 ถ้วยของหวาน
ผักตระกูลกะหล่ำ 2 ช้อนโต๊ะ
ผักใบเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักอื่น ๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นอ่อน เช่น ถั่วงอก ครึ่งถ้วยกาแฟชนิดมัก
ถั่วเมล็ดแห้ง ครึ่งถ้วยกาแฟชนิดมัก
น้ำผัก 150 มิลลิลิตร
ทั้งหมดนี้คืออัตราส่วนโดยประมาณ ถ้าคุณจะกินมากกว่านี้ก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น ทั้ง ช่วยชะลอวัย ทำให้พลังงานในร่างกายไหลเวียนได้ดี ช่วยลดความเครียด และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ส่วนใครที่อ่านแล้วสงสัยหรือมีคำถามมากกว่านี้ หรือสนุกที่อยากจะรู้ข้อมูลในเชิงโภชนาการด้านอื่น
ดิฉันขอแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ "eat 5 กินให้ครบ 5" เป็นหนังสือเล่มที่ไม่หนามากนัก แต่สีสันของปกและเนื้อในใสเด้งน่าดู ในเล่มยังมีหัวข้อ 10 สุดยอดผักและผลไม้ วิธีง่ายๆ ที่จะกินให้ครบ 5 การกินให้ครบ 5 สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ ล้วนแต่เป็นหัวข้อที่น่าสนใจค่ะ ใครที่ไม่อยากละสังขารจากโลกใบนี้ด้วยวัยอันไม่สมควร และด้วยเหตุผลที่ไม่คู่ควร ก็น่าจะลอง eat five ไว้ซะหน่อยนะคะ
ผู้เขียน : สุรางค์ ศรีษะ
ที่มา : Add Free Magazine