วิกฤติการเมืองรุมเล้าฐานะการคลังของรัฐบาลระส่ำหนักหลังกระแสเงินสดเดือน ส.ค. รัฐบาลขาดดุล หวังนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับ 5-6% กู้หน้าก่อนชิ่งยุบสภาหนี
วิกฤติการเมืองรุมเล้าฐานะการคลังของรัฐบาลระส่ำหนักหลังกระแสเงินสดเดือน ส.ค. รัฐบาลขาดดุล หวังนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับ 5-6% กู้หน้าก่อนชิ่งยุบสภาหนี |
. |
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน ส.ค. รัฐบาลขาดดุลเงินสด 5,948 ล้านบาท ส่งผลให้การขาดดุลเงินสดของรัฐบาลในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 167,359 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.5% เป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 127,926 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 39,433 ล้านบาท โดยเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาลหวังกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับ 5-6% |
. |
โดยในเดือน ส.ค.รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 112,989 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของก่อน 2,754 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 124,653 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 1,875 ล้านบาท คิดเป็น 1.5% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของงบเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนต่างๆ ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณเดือน ส.ค.ขาดดุล 11,664 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 17,612 ล้านบาท จากการออกตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 16,000 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดเกินดุลจำนวน 5,948 ล้านบาท แต่รัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 6,636 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุล |
. |
ส่วนฐานะการคลังในช่วง 11 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551(ต.ค.50-ส.ค.51) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1.355 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 90,333 ล้านบาท คิดเป็น 7.1% และเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1.483 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 59,471 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 127,926 ล้านบาท และมีเงินนอกงบประมาณขาดดุลอีก 39,433 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 167,359 ล้านบาท |
. |
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มรายได้นำส่งคลังในช่วง 11 เดือนแรก คาดว่ารายได้นำส่งคลังตลอดปีงบประมาณ 2551 จะสูงกว่าเป้าหมายประมาณ 2-2.5% ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาล(รายจ่ายปีปัจจุบัน และรายจ่ายปีก่อน) ของหน่วยงานต่างๆ จะพยายามเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณอย่างเต็มที่ จึงคาดว่าการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.65 ล้านล้านบาทแน่นอน |