เนื้อหาวันที่ : 2008-09-11 09:13:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1616 views

คอนวูด บุกกลุ่มสินค้าตกแต่งภายในและภายนอกโกยรายได้สิ้นปีเข้าเป้า 800 ล้านบาท

คอนวูด ปรับแผนรับมือตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังชะลอตัว เร่งขยายช่องทางขาย-สร้างความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ผ่านกลุ่มสินค้าตกแต่งภายใน พร้อมเสริมแกร่งทีมการตลาดและฝ่ายขายรับมือ มั่นใจดันรายได้สิ้นปีเข้าเป้า 800 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกโกยยอดขาย 400 ล้านบาทตามเป้า

คอนวูด ปรับแผนรับมือตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังชะลอตัว เร่งขยายช่องทางขาย-สร้างความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ผ่านกลุ่มสินค้าตกแต่งภายใน พร้อมเสริมแกร่งทีมการตลาดและฝ่ายขายรับมือ มั่นใจดันรายได้สิ้นปีเข้าเป้า 800 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกโกยยอดขาย 400 ล้านบาทตามเป้า

.

นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด

.

นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ชั้นนำของประเทศไทย ในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่อยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยในเรื่องของภาวะเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีแรกเฉลี่ยสูงถึง6.5% ต่อ โดยขึ้นไปสูงสุดสูงถึงระดับ 9.2% ในเดือนกรกฎาคม

.

เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าบริโภคที่มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบาย “7 ยุทธศาสตร์ 7 ภารกิจเร่งด่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน บริษัทฯ จึงปรับแผนการตลาดเพื่อให้เข้ากับนโยบายรัฐบาลเพื่อคงไว้ซึ่งการเป็นผู้นำตลาดและตอกย้ำถึงการเป็นบริษัทแรกในสินค้าทดแทนไม้ในประเทศไทย เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้และเป้ายอดขายรวมภายในปีนี้

.

ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนิน 5 กลยุทธ์ทางการตลาด ได้แก่ 1. การสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มลูกค้าเดิม โดยเน้นในการทำให้สินค้าคอนวูดมีมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและแสดงจุดยืนในการเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่แตกต่างจากสินค้าคู่แข่ง 2. การขยายตลาดผ่านช่องทางขายใหม่ๆ เช่น ช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางขายร้านโฮมเวิร์คและโฮมโปร 3. การขยายฐานกลุ่มลูกค้าในตลาดให้กว้างขึ้น โดยจับกลุ่มลูกค้าใหม่ในตลาดนอกเหนือจากกลุ่มที่มีความต้องการและมองหาที่พักอาศัยใหม่ 4. การพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้โดยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ให้ความสวยงามเทียบเท่าไม้

.

ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโต 1%-3% ทั้งที่ออกแบบมาสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกบ้านและอาคาร เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมใช้วัสดุทดแทนไม้เป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งภายใน เช่น ไม้พื้น ไม้มอบ ไม้จบบัว ไม้บันได เป็นต้น หรือการตกแต่งภายนอก เช่น ไม้บังตา ไม้ผนังบังใบ ไม้ฝา ไม้ตกแต่ง (Decorative Panel) และไม้รั้ว เป็นต้น และเพิ่มสินค้าในกลุ่มเฉพาะที่ เช่น ไม้เชิงชาย ไม้ระแนง และไม้บัวพื้น 5. การพัฒนาบุคลากรทีมขายและทีมการตลาดให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการสภาวะแวดล้อมทางการตลาดและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

.

"เรามั่นใจว่า 5 กลยุทธ์ทางการตลาดจะทำให้เรารักษาส่วนแบ่งตลาดในความเป็นผู้นำในตลาดวัสดุทดแทนไม้ ที่จะเน้นในเรื่องของนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ปรับปรุงคุณภาพรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ทั้งขนาด สี และรูปแบบการใช้งานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มลูกค้าเพื่อประกาศการเป็นผู้นำในสินค้าทดแทนไม้ที่เน้นในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดที่มีความต้องการเปลี่ยนตามยุคสมัยและไลฟ์สไตล์เหนือคู่แข่ง ทั้งที่เป็นกลุ่ม สถาปนิก ผู้ติดตั้ง เจ้าของบ้าน และกลุ่มลูกค้าโครงการ ที่ปัจจุบันนิยมนำวัสดุทดแทนไม้นำไปเป็นส่วนหนึ่งในการดีไซน์บ้านที่ช่วยสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของบ้านในแต่ละแบบ" นายสุทธิพันธ์ กล่าว

.

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคอนวูด กล่าวว่า นอกจากกลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งครึ่งปีแรกมียอดของการส่งออกคิดเป็น 64% ของเป้าหมายการส่งออกในปี 2551 โดยบริษัทฯ จะเริ่มรุกทำตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยมีแผนที่จะตั้งสำนักงานขายในประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรก

.

หลังจากที่เข้าไปทำตลาดมาระยะหนึ่ง ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าในเวียดนามเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มเติม เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้ามีความใกล้เคียงกับประเทศไทย จึงถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีโอกาสในการผลักดันยอดขายจากการส่งออกให้เติบโต ส่งผลให้ภายในปีนี้ คอนวูดจะสามารถรักษาสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกที่ 5% ของยอดขายทั้งปีนี้ไว้ได้

.

ส่วนเป้ายอดขายในปีนี้ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่า จะยังสามารถทำยอดขายได้ 800 ล้านบาทได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มสินค้าที่เป็นไม้ใช้เฉพาะที่ ประมาณ 70% กลุ่มสินค้าที่ใช้ในการตกแต่ง 25% และอีก 5% เป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 400 ล้านบาท หรือเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตตามเป้าที่ได้วางไว้