เนื้อหาวันที่ : 2008-09-09 14:53:41 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1127 views

ม.หอการค้ามองหากการเมืองยืดเยื้อ1-3 เดือน GDP ปีนี้โตแค่4.5-4.8%จากเดิม5.6%

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองหากการเมืองยังคงยืดเยื้อ 1-3 เดือน จะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศจะลดลงเหลือโตเพียง 4.5-4.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 5.6%

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองหากการเมืองยังคงยืดเยื้อ 1-3 เดือน จะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศจะลดลงเหลือโตเพียง 4.5-4.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 5.6%

.

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย

.

ขณะที่ผลกระทบต่อการส่งออก หากการเมืองยืดเยื้อนาน คาดว่า การส่งออกปีนี้ จะขยายตัวเหลือเพียง 11.5% หากการเมืองยืดเยื้อปานกลาง การส่งออกจะขยายตัว 18.2% แต่หากการเมืองยุติได้โดยเร็ว การส่งออกจะขยายตัว 18.8%  ซึ่งจากสถานการณ์ปกติ ที่ ม.หอการค้าไทย เคยคาดการณ์ไว้ว่า ปี 2551 การส่งออกจะขยายตัว 19% ที่มูลค่า 181,451 ล้านดอลลาร์

.

ทั้งนี้ ม.หอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาคธุรกิจ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออก Q4/51 ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 79% เห็นว่าสถานการณ์การเมืองมีทิศทางที่แย่ลง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกลดลงตามไปด้วย แต่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด ยืนยันว่าได้ว่าจะรุนแรงถึงขั้นปิดกิจการ

.

โดย 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ในช่วง Q4/51 ประกอบด้วย อัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยที่กระทบผู้ส่งออกมากที่สุด, ปัจจัยการเมือง เพราะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และปัจจัยราคาน้ำมัน ที่แม้มีทิศทางที่ชะลอตัวลง แต่ถือว่าราคายังอยู่ในระดับสูง

.

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ประเมินผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ แยกเป็น 3 กรณี โดยกรณีแรก หากสถานการณ์ยุติลงทันที ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง คาดว่า จีดีพี ปี 51 จะโต 5.2-5.3% มีผลกระทบต่อการส่งออก 10,000-24,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 18.8% เป็นมูลค่าการส่งออก 181,114 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว 6,000 ล้านบาท ผลกระทบโดยรวมต่อระบบเศรษฐกิจเป็นเม็ดเงิน 19,000-35,000 ล้านบาท

.

กรณีที่ 2 หากสถานการณ์ยืดเยื้อ แต่ยุติได้ภายในสิ้น ก.ย. จีดีพี ปีนี้ จะโต 4.9-5.1% มีผลกระทบต่อการส่งออก 10,000-24,000 ล้านบาท การส่งออกขยายตัว 18.2% เป็นมูลค่า 180,252 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว 23,000 ล้านบาท และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม เป็นเม็ดเงิน 40,000-62,000 ล้านบาท

.

และกรณีที่ 3 หากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปอีก 1-3 เดือน โดยไม่เกิน พ.ย. คาดว่า จีดีพี ปีนี้จะโต 4.5-4.8% มีผลกระทบต่อการส่งออก 10,000-24,000 ล้านบาท การส่งออกขยายตัว 11.5% เป็นมูลค่า 169,987 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว 42,000-75,000 ล้านบาท และผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจเป็นเม็ดเงิน 73,000-130,000 ล้านบาท

.

ทั้งนี้ มองว่า โอกาสที่จะมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือกรณีที่ 2 ที่เชื่อว่าสถานการณ์การเมือง จะคลี่คลายลงได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย. ที่น่าจะทำให้จีดีพี ปีนี้ เติบโตได้ใกล้เคียง 5% ที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สุด  "ใจจริง เราอยากให้เป็นกรณีแรก แต่กรณีที่เป็นไปได้มากที่สุด คือกรณีที่ 2 ที่ความขัดแย้งทางการเมืองจะยืดเยื้อ ลากไปไม่เกิน ต.ค.ส่งผลให้ จีดีพี เติบโตใกล้เคียง 5%" นายธนวรรธน์ กล่าว