เนื้อหาวันที่ : 2008-08-22 10:07:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1115 views

พาณิชย์ ปรับเป้าส่งออกปี 51 เพิ่มเป็น 15-20%จาก 12.5%หลังยอด 7 เดือนพุ่ง

พาณิชย์ ผลักดันให้การส่งออกในปีนี้เติบโตได้ราว 15-20% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 12.5% และเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้เนื่องจากในช่วง 7 เดือนแรกการส่งออกเติบโตได้แล้วถึงกว่า 26%

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้การส่งออกในปีนี้เติบโตได้ราว 15-20% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 12.5% และเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้เนื่องจากในช่วง 7 เดือนแรกการส่งออกเติบโตได้แล้วถึงกว่า 26%

.

"เป้าหมายทางการที่เราเคยตั้งไว้ 12.5% ขณะที่รัฐมนตรีมิ่งขวัญ(แสงสุวรรณ์)เคยขอไว้ที่ 15% และรัฐมนตรีไชยา(สะสมทรัพย์) 18-20% ตอนนี้เราจะพยายามให้ได้ 15-20%"นายศิริพล กล่าวกับผู้สื่อข่าว

.

ขณะที่นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า หากจะผลักดันการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ 15-20% จะทำให้การส่งออกในปีนี้มีมูลค่า 174,910-182,514 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 5 เดือนที่เหลือต่อจากนี้(ส.ค.-ธ.ค.)จะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ย 14,148-15,668 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เป้าหมายเดิม 12.5% ช่วงที่เหลือจะต้องส่งออกราวเดือนละ 13,387 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

กระทรวงพาณิชย์แถลงว่าการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.51 ขยายตัว 43.9% คิดเป็นมูลค่า 16,957 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 55.06% คิดเป็นมูลค่า 17,984 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ในเดือน ก.ค.51 ขาดดุล 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

ส่วนภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.51) การส่งออกขยายตัว 26.1% คิดเป็นมูลค่า 104,170 ล้านเหรียญสหรัฐ การนำเข้าขยายตัว 36.8% คิดเป็นมูลค่า 106,264 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ไทยขาดดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 2,094 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

นายศิริพล กล่าวว่า การส่งออกในเดือน ก.ค.ขยายตัวดีต่อเนื่อง สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 71.8% คิดเป็นมูลค่า 3,063 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งมูลค่าและปริมาณ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ผักผลไม้แปรรูป ไก่แช่แข็งและแปรรูป

.

ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมรวมเชื้อเพลิงมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 39.4% คิดเป็น 12,756 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญในกลุ่มนี้ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง และ อัญมณี เป็นต้น

.

นายศิริพล กล่าวว่า เดือนก.ค.เป็นเดือนแรกที่สัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดใหม่ สูงกว่าสัดส่วนที่ส่งออกไปตลาดหลัก โดยตลาดใหม่สัดส่วนการส่งออกเพิ่มมาที่ 50.7% ขณะที่ตลาดหลักอยู่ที่ 49.3%

.

ด้านการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึง 55% ในเดือนก.ค. เป็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าสำคัญเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 98.2% คิดเป็นมูลค่าราว 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสินค้ากลุ่มทุนเพิ่มขึ้น 36.3% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าแม้จะเพิ่มขึ้นมากแต่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไป

.

"ตัวเลขนำเข้าในเดือนก.ค.มีการนำเข้าเชื้อเพลิงมาก ซึ่งรวมถึงก๊าซ LPG และแท่นขุดเจาะ แต่ที่พิเศษคือสินค้าเหล็กมีการนำเข้าเยอะมาก แสดงว่าเรามีโอกาสที่จะขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง หรือแม้แต่โครงการเมกะโปรเจ็คต์"นายศิริพล กล่าว