นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ที่ 5.6% ขึ้นกับความมั่นใจในการลงทุน รวมถึงปัญหาการเมือง ภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงราคาน้ำมัน ที่ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อเนื่อง

สำหรับการลงทุนและการบริโภคครึ่งปีหลัง ขึ้นกับทิศทางของปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นของประชาชน รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน และการตัดสินใจทางการเมืองในช่วง 2-3 วันนี้ว่าจะทำให้ภาพในอนาคตที่เกิดความชัดเจนมากขึ้นได้หรือไม่ "ต้องดูว่า 2-3 วันนี้การเมืองจะมีการตัดสินใจอะไรที่ทำให้เห็นภาพที่มีความมั่นคงสูงขึ้นหรือไม่...ยอมรับว่าการเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญ"นางพรรณี กล่าว

ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า นักลงทุนหลายรายที่มาพบและแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางการเมือง แม้จะมองว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้วก็ตาม แต่นักลงทุนเหล่านี้ก็ยังต้องการความมั่นใจในด้านเสถียรภาพทางการเมือง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการส่วนการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า จากไตรมาส 1/51 ที่ GDP เติบโตได้ 6% ซึ่ง สศค.คาดว่าในไตรมาส 2/51 GDP น่าจะเติบโตได้ 5.8% คงจะไม่ได้ชะลอตัวไปจากไตรมาสแรกมากนักอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดียังช่วยหนุน และการบริโภคก็ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี

"ไตรมาส 2 คงไม่ชะลอไปจากไตรมาสแรกมากอย่างที่หลายฝ่ายกังวล และอาจโตได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกด้วยซ้ำเพราะได้เรื่องการส่งออกมาช่วย การบริโภคก็ยังดี เพียงแต่อาจะเห็นสัญญาณการลงทุนชะลอตัวลงไปบ้าง"นายเอกนิติ กล่าว

ทั้งนี้ สศค.คาดว่า GDP ครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ 5.8% และหากแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลัง GDP อาจเติบโตเพียง 4% ก็ยังทำให้ GDP ทั้งปีนี้เติบโตได้ถึง 5% ซึ่งเป็นไปตามกรอบที่ สศค.เคยมองไว้ว่าทั้งปีจะอยู่ที่ราว 5-6% หรือเฉลี่ยที่ 5.6% ภายใต้สมมติฐานที่ว่าราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังจะไม่เกิน 130 ดอลลาร์/บาร์เรล

แม้ราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ แต่ปัจจุบันราคาก็อ่อนตัวมาบ้างแล้ว โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวานนี้อยู่ที่ 121 ดอลลาร์/บาร์เรล ดังนั้น ความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปเหนือจากประมาณการก็ไม่น่าจะมากแล้ว