สศค.ยังคงคาดว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ตามประมาณการที่ 5-6% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ถึง 5.9% ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคือไตรมาส 3/51 และไตรมาส 4/51 เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ในระดับไตรมาสละ 5.3-5.5% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันในระดับ 130-140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ยังคงคาดว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ตามประมาณการที่ 5-6% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ถึง 5.9% ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคือไตรมาส 3/51 และไตรมาส 4/51 เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ในระดับไตรมาสละ 5.3-5.5% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันในระดับ 130-140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรน
|
. |
ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงต่อจากนี้ ขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ราคาน้ำมัน และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เตรียมจะออกมาตรการระยะกลางและระยะยาวมาอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ |
. |
นางพรรณี กล่าวว่า สศค.ได้รายงานข้อมูลด้านเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกดังกล่าวให้ รมว.คลังรับทราบ นอกจากนั้น ช่วงที่ผ่านมายังได้มีการศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบไว้แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นให้นำมาประกาศใช้เพราะภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย ซึ่งสศค.จะรายงานโครงสร้างภาษีใหม่ให้ รมว.คลังต่อไป |
. |
นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.)กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 51 ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 180 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็จะเป็นแรงกดดันให้เศรษฐกิจในปีนี้เติบโตไม่ถึง 6% แต่หากราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่า 180 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เศรษฐกิจก็อาจจะเติบโตได้ 6% |
. |
สวค.ได้ประเมินมาตรการ"6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อไทยทุกคน" ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ล่าสุด จะทำให้ภาคครัวเรือนประมาณ 4 คน/ครัวเรือน มีค่าใช้จ่ายลดลงครอบครัวละ 2 พันบาท/เดือน อย่างไรก็ตาม สวค.เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการที่ผ่านมา เพราะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และต้องมีการปรับโครงสร้างด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็นมาตรการระยะยาว |
. |
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดคือราคาน้ำมันที่ยังผันผวนและยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะผันผวนไปถึงเมื่อใด รวมทั้งปัญหาซับไพร์มที่อาจลงลึกมากกว่าที่ผ่านมา แต่โครงสร้างการส่งออกของไทยได้ปรับตัวมาส่งไปยังเอเชียส่วนใหญ่ ทำให้ได้รับผลกระทบจากซับไพร์มไม่มากนัก แต่ก็ยังต้องเร่งเน้นขยายตลาดเอเชียให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มดีมานด์การส่งออก |
. |
นายคณิศ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่ต้องออกมาตรการระยะสั้นมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เพราะที่ผ่านมาถือว่าเพียงพอ แต่ระยะต่อไปควรจะมีมาตรการระยะยาว เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการลงทุนให้มากขึ้น |