บมจ.ปตท.(PTT)คาดว่าปี 51 กำไรสุทธิจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.78 หมื่นล้านบาทแม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทต้องรับภาระอุดหนุนการใช้พลังงานภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท

"เรารับภาระปีนี้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท  พอๆกับปีที่แล้วก็รับภาระประมาณ  4-5 หมื่นล้านบาท แต่ปีนี้ต้นทุนเพิ่ม น้ำมันราคาสูงขึ้นก็เท่ากับเราภาระโตขึ้น"นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่  PTT กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายก๊าซ LPG เพิ่มเป็นวันละ 4 พันตัน/วัน จากเดิม 2 พันตัน/วัน ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่ารับภาระอุดหนุนราคาก๊าซ LPG ราว 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นรับภาระอุดหนุนราคาน้ำมันและก๊าซ NGV

ในส่วนที่บริษัทผลิตก๊าซ LPG  ได้ 3 ล้านตัน ซึ่งผลิตทั้งจากก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน บริษัทต้องขายในราคา 11-12 บาท/ลิตร จากราคาตลาดอยู่ที่ 20 กว่าบาท/ลิตร และในส่วนการนำเข้า ที่ปตท.นำเข้าในราคา 900 เหรียญ/ตัน แต่มาขายในประเทศ 300 เหรียญ/ตัน ซึ่งบริษัทต้องสำรองรับภาระส่วนต่างราคา 600-700 เหรียญ/ตันไปก่อน โดยคาดว่าใน 2 ปีนี้จะได้รับการชดเชยจากภาครัฐ เป็นเงินประมาณ  1-2 หมื่นล้านบาท

อนึ่ง ตั้งแต่ปี 47 ปตท.แบกรับภาระไปกว่า 1 แสนล้านบาท แล้ว อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ กล่าวว่า การบริหารงานของปตท.อย่างสมดุล เพราะบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แม้กระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่ 52% กองทุนวายุภักษ์ 1 ถือ 16% และมีฟรีโฟลตประมาณ 32% โดยมีนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้น PTT  เกือบ 20% ซึ่งไม่น่าแปลกที่ราคาขึ้นลงตามตลาด เพราะมีนักลงทุนเข้าซื้อขายหุ้น PTT  อยู่ตลอด

"ผมกำลังมองว่าความสมดุลอยู่ที่ตรงไหน  เราเข้าไปช่วยเรื่องราคาในช่วงราคาน้ำมันสูงตอนที่ผู้บริโภคยังปรับตัวไม่ทัน เราก็เป็น Buffer แต่ไม่ใช่เป็นตลอด ถ้าอย่างนั้น ปตท.ก็อยู่ตลาดไม่ได้ เราจะมีกำลังคานเรื่องราคาน้ำมันได้ยังไง" นายประเสริฐ กล่าว