เนื้อหาวันที่ : 2008-07-03 09:35:57 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1560 views

DRT ลุยขยายตลาดส่งออกเต็มพิกัดยกทัพสินค้าร่วมงานแฟร์ เจาะลูกค้าต่างชาติ

กระเบื้องหลังคาตราเพชร เปิดเกมบุกตลาดต่างประเทศ รุกโรดโชว์สินค้าผ่านงานแฟร์ที่เวียดนาม และจีน ช่วยขยายตลาดส่งออก หวังเจาะตลาดเวียดนาม จีน เกาหลี ก่อนลุยตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือ หลังสายการผลิตที่ 9 เดินเครื่องเต็บสูบ มั่นใจปี53 ดันสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่ม

กระเบื้องหลังคาตราเพชร เปิดเกมบุกตลาดต่างประเทศ รุกโรดโชว์สินค้าผ่านงานแฟร์ที่เวียดนาม และจีน ช่วยขยายตลาดส่งออก หวังเจาะตลาดเวียดนาม จีน เกาหลี ก่อนลุยตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือ หลังสายการผลิตที่ 9 เดินเครื่องเต็บสูบ มั่นใจปี53 ดันสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 15% จากปีนี้ที่ตั้งเป้าสัดส่วนส่งออกที่ 12% จากยอดขายทั้งหมด 2.8 พันล้าน

.

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่นอดามัส และรุ่น CT เพชร  ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์  ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า "ตราเพชร"  เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลัง 2551 นี้ บริษัทฯ เตรียมแผนที่จะทำตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ

.

โดยตั้งเป้าจากการส่งออกเพิ่มเป็น 12% จากยอดขายรวมในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะรุกขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ผ่านการออกแนะนำผลิตภัณฑ์ (โรดโชว์) ในงานแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้างในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมนำสินค้าในกลุ่มกระเบื้องคอนกรีตไปแนะนำให้กับลูกค้าในงาน Vietnam International Construction & Building Exhibition 2008 หรือ VICB  ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ในระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน นี้

.

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมแผนที่จะนำสินค้าไปร่วมในงาน China International Building & Decoration Fair 2008 งานมหกรรมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ที่เน้นวัสดุก่อสร้างและการออกแบบเป็นหลัก ในระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2551 ณ เมืองกวางเจา ประเทศจีน ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะนำสินค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปร่วมออกบูธ

.

"การไปร่วมออกบูธในงานนี้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดีของบริษัทฯ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้ไปร่วมงานกับประเทศเพื่อนบ้าน แถมยังสอดคล้องกับเป้าหมายของตราเพชรที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อยู่แล้ว จึงนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้สร้างการรับรู้แบรนด์ของตราเพชรให้เป็นที่รู้จัก

.
ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายที่ต้องการจะขยายตลาดส่งออกไปประเทศใหม่ๆ เช่น เวียดนาม ประเทศในแถบอเมริกาเหนือและยุโรป อีกทั้งยังจะขยายตลาดส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีและจีนเพิ่มเติม หลังจากที่ผ่านมา ได้เริ่มส่งสินค้าไปจำหน่ายแล้วบางส่วนและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” นายสาธิต กล่าว
.

รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวอีกว่า ตลาดเวียดนามและตลาดจีน ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังซื้อสูงมาก และคาดว่าจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะมีโอกาสในการขยายตัวในเรื่องของที่อยู่อาศัยทำให้ความต้องการของวัสดุก่อสร้างมีเพิ่มขึ้น

.

โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มซีเมนต์บอร์ดและผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ซึ่งรูปแบบของการขยายตลาดในครั้งนี้ จะเป็นของการขายสินค้าให้กับลูกค้าเพื่อไปจำหน่าย โดยบริษัทฯ จะเข้าไปช่วยเหลือในการทำตลาด เช่น การทำส่งเสริมการขาย เพื่อร่วมกันช่วยกันผลักดันยอดขาย

.

ในส่วนของตลาดในแถบทวีปอเมริกาเหนือและตลาดยุโรป นั้น บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขยายตลาดส่งออกไปได้อีกเช่นกัน โดยสินค้าหลักที่ใช้เป็นหัวหอกในการทำตลาด ได้แก่ สินค้าในกลุ่มซีเมนต์บอร์ด ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ซึ่งในเบื้องต้นจะเป็นการเข้าไปทดลองทำตลาดก่อน เนื่องจากสภาพอากาศของตลาดนี้ มีความแตกต่างจากตลาดในแถบประเทศในเอเชีย ก่อนที่จะรุกอย่างหนักภายในปี 2553

.

"การขยายตลาดส่งออกในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มยอดขายจากการส่งออกในปีนี้เติบโต 20% หรือ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ จากการส่งออกเพิ่มเป็น 12% จากยอดขายรวมในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2,800 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า จีน ที่ทำสัดส่วนยอดขายรวม 70-80% ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมด

.

และภายในปี 2553 ได้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 15% จากยอดขายทั้งหมด หลังจากที่บริษัทฯ สามารถเดินเครื่องสายการผลิตที่ 9 ที่รองรับกับการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การผลิตแผ่นผนังแบบไม่มีใยหิน ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 หมื่นตันต่อปี เพื่อใช้เจาะตลาดยุโรปและประเทศในแถบอเมริกาเหนือได้" นายสาธิต กล่าวทิ้งท้าย

.

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ DRT นั้น รายได้หลักยังคงเป็นกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65 % กระเบื้องคอนกรีต 10 % ไม้ฝา 15 %  ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเจียระไน 5% และอุปกรณ์ประกอบหลังคา 5%