เนื้อหาวันที่ : 2008-06-24 16:16:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1705 views

ค้าเหล็กไทย คาดรายได้-กำไร Q2/51 ต่อเนื่องตามราคาเหล็กพุ่ง ทั้งปีไม่มีพลาดเป้า

บมจ.ค้าเหล็กไทย คาดรายได้และกำไรไตรมาส 2/51 โตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 ตามทิศทางราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 34-36 บาท/กก.จากช่วงไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ประมาณ 30 บาท/กก. คาดครึ่งปีหลังราคาอาจจะชะลอตัวลง

บมจ.ค้าเหล็กไทย คาดว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 2/51 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 ตามทิศทางราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 34-36 บาท/กก.จากช่วงไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ประมาณ 30 บาท/กก. แต่ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าราคาเหล็กอาจจะชะลอตัวลงไปบ้างหลังจากปรับขึ้นมาแรงมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กำลังผลิตยังเพียงพอจากการเน้นขายในประเทศเป็นหลัก

.

นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ TMT กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/51 คิดว่าคงจะใช้ได้เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/51 เนื่องจากราคาขายเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มองราคาเหล็กในตลาดโลกครึ่งปีหลังแนวโน้มน่าจะชะลอลง เพราะธรรมชาติของพวกสินค้า Commodity ทั้งหลายจะขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือสินค้าอื่นๆ 

.

"คงปรับลงแต่คงไม่ได้ปรับลงเหมือนช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ครึ่งปีหลังสถานการณ์ราคาเหล็กคงชะลอหน่อย ส่วนจะวางแผนรองรับอย่างไร คงไม่ต้องวางแผนเพราะครึ่งปีแรกทุกคนก็จะตุนเสบียงกันไว้เยอะแล้ว ครึ่งปีหลังก็สบายๆ" นายปานชัย กล่าว

.

อนึ่ง TMT มีกำไรสุทธิ 1Q51 ที่ 201 ล้านบาท เติบโต 317%YoY และ 119%QoQ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.06 ล้านบาท นายปายชัย กล่าวว่า แม้ราคาเหล็กจะชะลอลงในครึ่งปีหลัง แต่เชื่อว่าผลกำไรของบริษัทในปีนี้ยังคงปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน จากเป้าหมายที่บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 10-20% ไม่น่าจะมีปัญหาแน่นอน เพราะไตรมาส 1/51-2/51 ก็น่าจะได้ตามเป้าแล้ว จากปีที่แล้วรายได้ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท

.

ราคาเหล็กที่ปรับสูงขึ้นส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเหล็กในตลาดโลกทุกรายในภาพรวมไม่ใช่เฉพาะแต่ TMT โดยกำไรสุทธิของทุกบริษัทจะเติบโตขึ้นอยู่แล้ว แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะปรับขึ้นต่อเนื่องแต่ก็สามารถปรับราคาขายล้อกันตามขึ้นไปเรื่อยๆ โดยบริษัทมีสต็อกวัตถุดิบไม่เกิน 1 เดือน หรือ 45 วัน

.

ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตัวบริษัท เพราะนโยบายที่มีผลต่อบริษัทมีเพียงการกำหนดราคากลางเหล็กของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งล่าสุดได้รับอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาขาย 7 บาท/กก. ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับการพิจารณาของทางการ "ล่าสุดก็ค่า k ตัวเดียว อย่างอื่นไม่มีมาตรการอะไรชัดเจน ของเราไม่มีผลอะไรเลย ซึ่งเราก็ว่ากันตามกติกาที่กระทรวงพาณิชย์ให้มา"นายปานชัย กล่าว

.

นายปานชัย กล่าวว่า รายได้ที่คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน มาจากทั้งจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการใช้เครื่องจักรผลิตมากขึ้น โดยปัจจุบันมีการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 70% และยังสามารถเพิ่มการผลิตขึ้นได้อีกหากจำเป็น เพราะบริษัทเพิ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เม็ดเงินจากการขายหุ้น IPO เมื่อ 2 ปีก่อน จึงยังไม่มีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก แต่จะเน้นการใช้เครื่องจักรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ปัจจุบันกำลังการผลิตขึ้นมาเป็นเกือบ 3 แสนตัน/ปี

.

ประกอบกับ ขณะนี้บริษัทยังค่อนข้างระมัดระวังในการรับคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะที่สั่งซื้อในระยะยาว เพราะราคาเหล็กยังผันผวน ไม่นิ่ง ส่วนใหญ่เป็นการขายในประเทศให้กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ไฟฟ้า สินค้าเกษตร เมกะโปรเจกต์ทั้งหลาย ส่วนคำสั่งซื้อในต่างประเทศแถบใกล้เคียง ทั้งลาวและเขมร มีสัดส่วนประมาณ 1% เท่านั้น

.

นายปานชัย กล่าวว่า  บริษัทยังไม่มีแผนจะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจ หรือควบรวมกิจการเหมือนกับผู้ผลิตเหล็กรายอื่น ๆ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ยังมีความขาดแคลนวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก และตลาดยังไม่นิ่ง ทำให้ต้องเน้นการดูแลตัวเองก่อน และกำลังผลิตที่ผลิตได้เท่าใดก็ขายได้หมดไม่มีเหลือ

.

"ผมอยากจะฝากว่าหุ้นค้าเหล็กไทยไม่ใช้หุ้นที่หวือหวาหรือหุ้นปั่น แต่ของเราเป็นหุ้นลักษณะที่จะแนะนำให้คนเป็น long term invesment มากกว่า คือถือยาวๆ และมีปันผล ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเราก็จะเน้นตรงนั้นมากกว่า คือ ปันผลที่เยอะกว่าเงินฝาก นโยบายผู้ใหญ่จะไม่ลงไปทำเรื่องการปั่นหุ้นหรือทำอะไรพวกนั้น ส่วนใหญ่หุ้นก็จะปรับขึ้นตามความเป็นจริง" นายปานชัย กล่าวในที่สุด

.

บทวิเคราะห์ของ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุ TMT จ่ายปันผลสูงมาก เนื่องจากบริษัทไม่มีแผนใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ดังนั้นจึงคาดว่าในปี 51 จะคงอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดการณ์ไว้ที่ 60% ของกำไรสุทธิ (ปี 50 อัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 73% ของกำไรสุทธิ) ซึ่งคิดเป็น 0.79 บาทต่อหุ้น หรือให้ Dividend Yield เท่ากับ 13.7%