เอ.พี. ฮอนด้าเทงบ 900 ล้าน ส่งเสริมความปลอดภัยทางท้องถนนสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยครบวงจรใหญ่สุดในเอเชีย-โอเชียเนีย สามารถรองรับการฝึกอบรมได้ทั้งการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งเตรียมขยายการจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ ในเขตท้องถิ่นให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 แห่ง พร้อมสนับสนุนภาครัฐจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ เฉลิมพระเกียรติทั่วประเทศ
. |
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี (กลาง) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มต้นก่อสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าแห่งใหม่ ซึ่งจัดตั้งให้เป็นศูนย์ฝึกฯ ในระดับประเทศ โดยมี นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ (ที่สามจากขวา) รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะผู้บริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด นำโดย มร.เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร (ที่สี่จากซ้าย) ดร.อรรณพ พรประภา (ที่สองจากขวา) รองประธานกรรมการบริหาร ร่วมในงานพิธีฯ ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน |
. |
เอ.พี. ฮอนด้าเทงบ 900 ล้าน ส่งเสริมความปลอดภัยทางท้องถนนสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยครบวงจรใหญ่สุดในเอเชีย-โอเชียเนีย สามารถรองรับการฝึกอบรมได้ทั้งการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งเตรียมขยายการจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ ในเขตท้องถิ่นให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 แห่ง พร้อมสนับสนุนภาครัฐจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ เฉลิมพระเกียรติทั่วประเทศ |
. |
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด รุกหน้าต่อเนื่องในการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน หลังจากบุกเบิกโครงการขับขี่ปลอดภัยมายาวนานตลอด 20 ปี และจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไปเป็นจำนวนมากถึงกว่า 10.9 ล้านคน โดยล่าสุดจัดสรรงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ ซึ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชีย-โอเชียเนีย และที่สำคัญสามารถรองรับการฝึกอบรมได้ทั้งการขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งเตรียมขยายการจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ ในเขตท้องถิ่นให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 30 แห่ง พร้อมให้การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ เฉลิมพระเกียรติ |
. |
ทั้งนี้จากแนวคิดพื้นฐานของฮอนด้าที่ตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนน ทางฮอนด้าจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ใช้ รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถยนต์ ตลอดจนกลุ่มคนโดยทั่วไป และล่าสุดนี้ได้จัดสรรงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อเตรียมก่อสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ พร้อมจัดตั้งให้เป็นเป็นศูนย์ฝึกฯ ในระดับประเทศ โดยศูนย์ฝึกฯ แห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงในภาคพื้นเอเชีย โอเชียเนีย (Asia
|
. |
สำหรับศูนย์ฝึกฯ ระดับประเทศนี้ ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) กรุงเทพฯ มีขนาดเนื้อที่รวมทั้งสิ้นถึง 20.5 ไร่ และภายในเนื้อที่นี้ประกอบไปด้วย พื้นที่สำหรับการฝึกภาคสนามรวม 20,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นสนามฝึกที่สามารถฝึกขับขี่ได้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาคารสำนักงานที่มีห้องฝึกอบรมภาคทฤษฎีรวม 4 ห้อง และทั้ง 4 ห้องนี้สามารถขยายรวมเพื่อการรองรับผู้เข้าอบรมเป็นหมู่คณะใหญ่ โดยสามารถรองรับได้เป็นจำนวนมากถึง 300 คน ทั้งนี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2552 |
. |
นอกจากนั้นแล้ว ทางฮอนด้ายังมีแผนงานเผยแพร่ความรู้ในด้านการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยออกสู่สังคมในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นส่วนช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนให้น้อยลง รวมทั้งป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้มีประสิทธิภาพ โดยภายในปี 2553 ฮอนด้าจะจัดตั้งศูนย์ฝึกฯ ในเขตท้องถิ่นให้กระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 30 แห่ง |
. |
ในขณะนี้ได้ดำเนินการจัดตั้งไปแล้วในหลากหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงราย ราชบุรี กำแพงเพชร อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี และในระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก และระยอง พร้อมกันนั้นฮอนด้ายังมีแผนงานให้การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 12 แห่ง |
. |
ก่อนหน้านี้ฮอนด้าได้ริเริ่มให้มีโครงการขับขี่ปลอดภัย ภายใต้สัญลักษณ์ SAFETY THAILAND ด้วยการก่อสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ณ ตำบลสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งศูนย์ฝึกฯ นี้ นับเป็นศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งแรกในประเทศไทย โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างศูนย์ฝึกฯ ก็คือ เพื่อรณรงค์และเผยแพร่ความรู้การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยออกสู่สังคมในวงกว้าง อันจะเป็นส่วนช่วยป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน |
. |
โดยการเผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยนั้น มุ่งเน้นสู่กลุ่มคนหลากหลาย นับตั้งแต่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนถึงประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งการอบรมเผยแพร่ความรู้เริ่มต้นดำเนินการเมื่อปี 2531 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้มีผู้ผ่านการฝึกอบรมเป็นจำนวนทั้งสิ้นมากถึงกว่า 10.9 ล้านคน |