เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ปรับตัวไวพร้อมตั้งรับตลาดป่วนจากราคาน้ำมัน เดินเกมก่อสร้างที่สอดคล้องกับดีมานด์จริง ช่วยให้คาดการณ์ราคาขายได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ถึงจำเป็นต้องปรับราคา มั่นใจลูกค้ารับได้ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย การันตีด้วยยอดขายและจำนวนเยี่ยมชมโครงการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งท้ายไตรมาส 2 ด้วยการเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์คอนเซ็ปต์ใหม่ใกล้รถไฟฟ้า

นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเศรษฐกิจผกผันว่า จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม สำหรับบริษัทฯ เองจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องปรับราคาขายขึ้นเล็กน้อยในบางทำเลสำหรับโครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวในช่วงนี้ แต่คาดว่าการปรับราคาดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อลูกค้าแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นจำนวนที่ปรับขึ้นไม่มาก

อีกทั้ง บริษัทฯ ได้มีการปรับแผนงานเพื่อรองรับกับสถานการณ์นี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นราคาขายที่บริษัทฯ กำหนดขึ้นถือเป็นราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ และไม่รู้สึกว่าบริษัทฯ ปรับราคาขึ้นจากวิกฤตการณ์น้ำมันในครั้งนี้ อีกทั้ง บริษัทฯ ยังคงยึดแนวทางในการพัฒนาโครงการให้ตั้งอยู่ในทำเลที่แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคสมัยใหม่ อย่างรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสำหรับโครงการเก่าที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่นั้น บริษัทฯ ยังคงราคาขายในต้นทุนเดิม ไม่มีการปรับราคาเพียงแต่อย่างใด

"การที่เราสามารถควบคุมการปรับตัวขึ้นของราคาขายให้อยู่ในอัตราที่ต่ำได้นั้น ส่วนหนึ่งจากแนวทางในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับความต้องการที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น เราไม่ก่อสร้างเป็นล็อตใหญ่ ซึ่งข้อดีของการก่อสร้างแบบนี้คือ เราจะทราบความเคลื่อนไหวของราคาวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถกำหนดราคาขายที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นย่ำ อีกทั้งราคาขายยังครอบคลุมต้นทุนการก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

ดังนั้น ราคาขายในปัจจุบัน ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ถือเป็นราคาที่ลูกค้า AP รับรู้และยอมรับมาระยะหนึ่งแล้ว โดยสังเกตุได้จากยอดขายและจำนวนลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการ AP ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคำนึงถึงที่อยู่อาศัยในทำเลที่แวดล้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคสมัยใหม่อย่างรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของราคาน้ำมันมากกว่ามูลค่าของราคาขายที่ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่กระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแต่อย่างใด"

ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมส่งท้ายไตรมาส 2 ด้วยการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ 1) บ้านกลางเมือง Urbanion สาทร-ตากสิน ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ใกล้ BTS เพียงแห่งเดียวบนถนนสาทรราชพฤกษ์ ใกล้จุดขึ้นลงสถานีเพียง 400 เมตร เพียง 10 นาที จากสะพานตากสิน จำนวน 208 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 176-195 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 4.79 ล้านบาท และ 2)

บ้านกลางเมือง Urbanion สุขุมวิท 113 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรง จำนวน 124 ยูนิต มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 175 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 2.79 ล้านบาท เพื่อรอบรับความต้องการบ้านใจกลางเมืองที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งทั้ง 2 โครงการ บริษัทฯ พร้อมเปิดพรีเซลราคาพิเศษในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้

"บริษัทฯ ยังคงโฟกัสทำเลในการพัฒนาโครงการที่อยู่ใจกลางเมืองแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ส่งผลให้ทุกโครงการที่พัฒนาขึ้นประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสำหรับ 2 โครงการใหม่นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในช่วงพรีเซลได้ประมาณ 60 ยูนิต มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท" นายวิษณุกล่าว ทิ้งท้าย

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่จองโครงการทั้ง 2 แห่งในช่วงพรีเซล ด้วย “แต่งครบทั้งหลัง ฟรี! เฟอร์นิเจอร์ แอร์ทุกห้อง และชุดครัว” มูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท สำหรับโครงการบ้านกลางเมือง Urbanion สาทร-ตากสิน และ “ฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ทุกห้อง และ Gift Voucher สำหรับเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง-มอลล์” รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท สำหรับผู้จองโครงการบ้านกลางเมือง Urbanion สุขุมวิท 113