เนื้อหาวันที่ : 2008-06-19 18:46:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1155 views

ปตท. ขานรับปรับโครงสร้างราคา LPG ลดปัญหาลักลอบส่งออก หนุนปรับขึ้นราคา NGV

การสกัดกั้นลักลอบส่งออก LPG ตามแนวชายแดนไปขายในประเทศเพื่อนบ้านคงทำได้ยาก เพราะราคาขายในประเทศต่ำกว่าตลาดโลก จึงสร้างแรงจูงใจให้มีการลักลอบมากขึ้น การปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สะท้อนความเป็นจริง เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้สะท้อนกับความเป็นจริงจะช่วยแก้ปัญหาการลักลอบส่งออก LPG ไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านได้ดีที่สุด

.

"การสกัดกั้นการลักลอบส่งออก LPG ตามแนวชายแดนไปขายในประเทศเพื่อนบ้านคงทำได้ยาก เพราะราคาขายในประเทศต่ำกว่าตลาดโลก จึงสร้างแรงจูงใจให้มีการลักลอบมากขึ้น ดังนั้นการปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สะท้อนความเป็นจริง เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด" นายประเสริฐ กล่าว

.

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะปรับโครงสร้างราคา LPG เป็น 2 ราคาในเดือนก.ค.นี้ แต่ยังเชื่อว่าราคาขายในประเทศที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลกและถูกกว่าราคาน้ำมัน จะทำให้ความต้องการใช้มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่า ปตท.จะต้องนำเข้า LPG ประมาณ 200,000-300,000 ตัน และจะต้องนำเข้าในปี 52 สูงถึง 500,000-1,000,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10,000-20,000 ล้านบาท

.

ปัจจุบันราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 903 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่ราคาขายในประเทศถูกกำหนดไว้ที่ 320 ดอลลาร์/ตัน ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระส่วนต่างจากการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 600 ดอลลาร์/ตัน หรือประมาณ 30 บาท/กก.

.

นายประเสริฐ ยังเห็นว่า ราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV)ก็จำเป็นต้องปรับสูงขึ้นด้วย เนื่องจากระดับราคาในปัจจุบันที่ตรึงราคาไว้ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม เป็นราคาที่อ้างอิงจากฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรลเท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นแตะ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหากรัฐบาลยังคงตรึงราคาจำหน่ายเอ็นจีวีต่อไปจะเป็นปัญหาเช่นเดียวกับ LPG

.

ดังนั้นในปี 52 ควรปรับราคา NGV เพิ่มขึ้นเป็น 12 บาท/กก. และเพิ่มเป็น 13 บาท/กก. ในปี 53 และในปีถัดไปปล่อยให้เป็นไปตามราคาตลาดโลก แต่จะต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลถึง 50%