เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากความเสี่ยงเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองที่จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง การลงทุนชะลอตัว เงินในตลาดทุนและหุ้นไหลออก ส่งผลให้เงินบาทอาจจะอ่อนค่าได้เกิน 34 บาท/ดอลลาร์
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะไตรมาส 3 ของปีนี้ เนื่องจากความเสี่ยงเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองที่จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง การลงทุนชะลอตัว เงินในตลาดทุนและหุ้นไหลออก ส่งผลให้เงินบาทอาจจะอ่อนค่าได้เกิน 34 บาท/ดอลลาร์ |
. |
ประกอบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา จะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อในประเทศและทำให้ไทยขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น เพราะผู้ผลิตไม่อาจแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้ และเริ่มผลักภาระบางส่วนให้แก่ผู้บริโภค |
. |
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะนี้ต่างชาติและนักลงทุนกำลังรอดูว่าสถานการณ์การเมืองและความวุ่นวายในประเทศจะรุนแรงหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ภายหลังที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(20 มิ.ย.) ตลอดจนกระแสการยุบสภา ปัญหาความขัดแย้งในพรรคการเมือง การแย่งชิงอำนาจการทำงานระหว่างรัฐมนตรี หรือกระแสการใช้กำลังทหารเข้ามาดูแลบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น และการลงทุนของไทยทั้งสิ้น |
. |
ทั้งนี้แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะยังวุ่นวาย แต่เชื่อว่าอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP)ปีนี้จะโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเกิน 34 บาท/เหรียญสหรัฐ และรัฐบาลปล่อยให้ราคาสินค้าปรับขึ้นตามภาระต้นทุนที่แท้จริง เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในไตรมาส 4 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่หากปัจจัยดังกล่าวส่งผลรุนแรง GDP ก็อาจจะต่ำกว่า 5% และต้องใช้เวลาสำหรับการฟื้นตัวอีกครั้งในปี 52 |