นักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐมนตรีคลังที่เข้าร่วมประชุมกลุ่ม G8 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณว่ามีการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันโลก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อคุกคามเศรษฐกิจโลก พร้อมกับหาแนวทางในการสกัดกั้นราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น

รัฐมนตรีคลังกลุ่ม G8 ออกแถลงการณ์ร่วมภายหลังการประชุมว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะราคาน้ำมันและอาหาร กำลังคุกคามเสถียรภาพด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะเปราะบาง และทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก"

"ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 5 เท่านับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 เนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อาทิ จีนและอินเดีย และการเก็งกำไร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างปัญหาและทำให้ปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานบิดเบือนไปจากความเป็นจริง" แถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G8 ระบุ

ในระหว่างการประชุม G8 นั้น นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเนื่องจากภาวะอุปทานและอุปสงค์ที่ไม่สอดคล้องกัน แต่นายจูลิโอ เทรมอนติ รมว.เศรษฐกิจอิตาลีแย้งว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการเก็งกำไร และกลุ่ม G8 ควรสกัดกั้นการเก็งกำไรด้วยการออกคำสั่งให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนเงินในพอร์ทในจะต้องใช้ลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

เรียวเฮ มุรามัตสึ นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์ กล่าวว่า "สมาชิกกลุ่มประเทศ G8 แสดงท่าทีวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อและส่งสัญญาณถึงนักเก็งกำไรที่กำลังพยายามจะควบคุมทิศทางตลาดว่า นับแต่เขาจะเจอกำแพงสกัดกั้นการเก็งกำไรอย่างจริงจริง รัฐมนตรีกลุ่ม G8 กำลังระดมสมองเพื่อต่อต้านการเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์"

โตชิฮิโร่ มัตซูโนะ นักวิเคราะห์จากเอสเอ็มบีซี เฟรนด์ ซิเคียวริตี้ กล่าวว่า "แถลงการณ์ของ G8 แสดงใหเห็นว่าอาจมีความเสี่ยงที่ปัจจัยทางการเมืองจะเข้ามาครอบงำตลาด แม้การเก็งกำไรไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่เป็นเหตุให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น แต่ก็นับว่ามีบทบาทสำคัญ" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน