ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ (PwC) บริษัทที่ปรึกษาทางธคุรกิจชื่อดัง เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกอาจจำเป็นต้องลดคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนและอินเดีย และหันมาหาซัพพลายเออร์ในภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น

รายงานการศึกษาในหัวข้อ "Global Sourcing: Shifting Strategies" ซึ่งจัดทำโดยบริษัทไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ระบุว่า "ธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่เทสโก้ เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตส์ไปจนถึงบริษัทผู้ผลิตกางเกงยีนส์ชื่อดังอย่างลีวาย สเตราสส์ แอนด์ โคกำลังหาทางเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ภายในประเทศเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการลดค่าใช้จ่ายการขนส่ง รวมถึงเพื่อคลายความวิตกกังวลจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน และหันไปให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในปีที่ผ่านมา และล่าสุดทะยานขึ้นไปแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับอัตราค่าจ้างด้านการขนส่งที่พุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมไปถึงราคาอาหาร ตลอดจนความวิตกกังวลต่อคุณภาพสินค้าต่างเป็นแรงกระตุ้นให้บริษัทต่างๆหาซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้และอยู่ใกล้มากกว่า ขณะเดียวกันผู้บริหารที่ทำการสำรวจไม่ถึงครึ่งเห็นว่าบริษัทของพวกเขากำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการควบคุมความปลอดภัยของสินค้า

ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกระบุวานนี้ว่า ราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นกำลังสร้างความเสียหายต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ผลสำรวจของ PwC ได้ทำการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหาร 59 รายใน 8 ประเทศ ซึ่งผู้บริหารเหล่านี้มองว่า ประเด็นด้านเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่บริษัทค้าปลีกทั่วโลกวิตกกังวลมากที่สุดอันดับ 1 ในช่วงไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ในอนาคต การควบคุมคุณภาพสินค้าเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากกว่าเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ