บ้านปู เพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินในจีนอีก 107 ล้านตันด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78 ในราคาประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีกำลังผลิตปีละ 4 ล้านตัน และในโครงการเหมืองถ่านหินที่มีกำลังการผลิตละ 6 ล้านตัน
บ้านปู เพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินในจีนอีก 107 ล้านตันด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78 ในราคาประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้บริษัท AACI ถือหุ้นในเหมือง ถ่านหินที่มีกำลังผลิตปีละ 4 ล้านตัน และในโครงการเหมืองถ่านหินที่มีกำลังการผลิตละ 6 ล้านตันในมณฑลซานซี |
. |
บริษัท BP Overseas Development Company Limited (BPOD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทบ้านปูฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท Asian American Coal Inc. หรือ AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78.4 โดยมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,800 ล้านบาท |
. |
ก่อนหน้านี้ บริษัท BPOD ถือหุ้นในบริษัท AACI ร้อยละ 21.6 และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของ AACI มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา และจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้บริษัท BPOD ถือหุ้นใน AACI ร้อยละ 100 โดยเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้นในครั้งนี้จะเป็นเงินที่บ้านปูฯ ให้บริษัท BPOD กู้ยืม ซึ่งแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากการกู้ยืม สำหรับผู้ขายหุ้นของ AACI นั้นส่วนใหญ่เป็นกองทุนส่วนบุคคล (Private equity funds) และนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา |
. |
บริษัท AACI เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ British Virgin Islands และถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน 2 แห่ง โดยถือหุ้นร้อยละ 56 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท SHANXI ASIAN AMERICAN-DANING ENERGY CO., LTD. (SAADEC) และถือหุ้นร้อยละ 45 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท SHANXI GAOHE ENERGY COMPANY LTD. (SGEC) ทั้งนี้หุ้นส่วนทางธุรกิจที่สำคัญของ AACI จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในประเทศจีน คือ Shanxi Lanhua Sci-Tech Venture Co |
. |
ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัท SAADEC และ Shanxi Lu’an Mining group ในบริษัท SGEC บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งนี้ได้รับสัมปทานการผลิตถ่านหินในบริเวณตอนใต้ของมณฑลซานซีในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมณฑลซานซีจัดว่าเป็นแหล่งผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยมีกำลังผลิตประมาณ 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ |
. |
บริษัท SAADEC ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2543 และได้เริ่มก่อสร้างเหมืองต้าหนิงในปีเดียวกัน บริษัท SAADEC ได้เริ่มดำเนินการผลิตถ่านหินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548 และได้นำเทคโนโลยี Longwall มาใช้ในการทำเหมืองถ่านหินใต้ดินในปี พ.ศ. 2549 สำหรับปริมาณการผลิต (run-of-mine production) ของเหมืองต้าหนิงในปี พ.ศ. 2550 อยู่ที่ประมาณ 3.1 ล้านตัน และมีเป้าหมายการผลิต (ก่อนการล้าง) ที่ 3.8 ล้านตันในปี พ.ศ. 2551 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 เหมืองต้าหนิงมีการผลิตถ่านอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านตัน เป็นถ่านหินประเภทแอนทราไซท์ ซึ่งถ่านหินประเภท Lump Coal นั้นจะขายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี ในขณะที่ถ่านหินประเภทให้ความร้อน (Thermal Coal) จะขายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในมณฑลซานซีและมณฑลใกล้เคียง |
. |
ในปี 2551นี้ คาดว่าเหมืองต้าหนิงจะสามารถผลิตถ่านหินพร้อมจำหน่าย(หลังการล้างแล้ว)ได้ประมาณ 3.2 ล้านตัน ประกอบด้วยถ่านหินประเภทให้ความร้อน1.8 ล้านตัน และประเภท Lump Coal จำนวน 1.4 ล้านตัน โดยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองต้าหนิงในไตรมาสแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 450 หยวนต่อตัน เทียบกับ 295 หยวนต่อตันในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 555 หยวนต่อตัน ปัจจุบันบริษัท SAADEC มีปริมาณสำรองถ่านหิน (coal reserves) 88 ล้านตันและมีปริมาณถ่านหินทั้งหมดที่ประเมินได้ (coal resources) จำนวน 147 ล้านตัน (จากรายงานของ Marshall Miller & Associates เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2550) |
. |
สำหรับบริษัท SGEC นั้น ก่อตั้งขึ้นโดย AACI ร่วมกับ Shanxi Lu’an Mining group ในปี พ.ศ. 2548 เพื่อพัฒนาเหมืองเกาเหอ (Gaohe) โดยมีปริมาณสำรองถ่านหิน (coal reserves) ประเภทเซมิ – แอนทราไซท์ จำนวน 191 ล้านตัน และปริมาณถ่านหินทั้งหมดที่ประเมินได้ (coal resources) จำนวน 312 ล้านตัน (จากรายงานของ Marshall Miller & Associates เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549) บริษัท SGEC ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Business License) ในปี พ.ศ. 2549 ขณะนี้เหมืองเกาเหอกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตถ่านหินได้ ภายในปี พ . ศ . 2553 และจะสามารถผลิตถ่านหินเต็มกำลังผลิตปีละ 6 ล้านตันได้ภายในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งถ่านหินประเภทให้ความร้อนจะขายให้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้า ในขณะที่ถ่านหินประเภท Pulverized Coal Injection (PCI) จะขายให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก |
. |
งบการเงินของบริษัท AACI มีการรายงานเป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ โดยใช้มาตรฐาน IFRS (International Financial Reporting Standard) ซึ่งรับรู้งบการเงินของบริษัท SAADEC และบริษัท SGEC ตามสัดส่วนของการถือหุ้น ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา AACI รายได้รวมทั้งสิ้น 66.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อน |
. |
ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย ( EBITDA) จำนวน 18.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรอบ 4 เดือนแรกของปีนี้ AACI มีรายได้รวม ( ก่อนการตรวจสอบบัญชี ) จำนวนทั้งสิ้น 39.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ EBITDA จำนวน17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้สินรวมสุทธิของ AACI สิ้นสุด ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2551 อยู่ที่ 58.5 ล้านเหรียญสหรัฐ |
. |
ส่วนรายได้ (ก่อนการตรวจสอบบัญชี ) ของบริษัท SAADEC ในรอบสี่เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 68.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มี EBITDA จำนวน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิหลังหักภาษี 28.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งหมดของเหมืองเกาเหอ อยู่ที่ประมาณ 3,150 ล้านหยวน หรือประมาณ 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้มีการจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินลงทุนในส่วนที่เหลือนั้น คาดว่า ร้อยละ 65 จะมาจากเงินกู้โครงการ |
. |
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปูฯ กล่าวว่า "เรา (บ้านปูฯ ) ได้ถือหุ้นในบริษัท AACI มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และมีความคุ้นเคยกับสินทรัพย์ของ AACI เป็นอย่างดี เราได้พิจารณาและกำหนดแล้วว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ AACI ในส่วนไหนบ้างในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งเหมืองต้าหนิงนั้นเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงโอกาสที่ดีในการเข้าครอบครองเหมืองถ่านหินขนาดกลางในประเทศจีน |
. |
ส่วนเหมืองเกาเหอนั้นเป็นโครงการที่มีการเติบโตที่ดี โดยเมื่อมองในเชิงกลยุทธ์แล้ว การเข้าครอบครองบริษัท AACI นั้นเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจถ่านหินของบ้านปูฯ ในประเทศจีน และเป็นการตอกย้ำภาพที่ชัดเจนในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจในประเทศจีนเพื่อเป็นฐานการผลิตแห่งที่สามของบ้านปูฯต่อไป" |