นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือน พ.ค.51 สามารถจัดเก็บได้ 273,274 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 24,808 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% โดยสูงสุดในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา และสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.1%

สาเหตุสำคัญเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนที่ครบกำหนดการยื่นชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิของนิติบุคคลสิ้นรอบปีบัญชี 2550 ซึ่งปรากฏว่าการยื่นชำระภาษีดังกล่าวสูงกว่าที่คาดไว้ ทำให้การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงกว่าประมาณการถึง 25,598 ล้านบาท หรือ 22.5% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.4%

อย่างไรก็ดี มีภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีธุรกิจ เฉพาะ เป็นผลจากมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ และภาษีน้ำมันซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง รวมทั้งผู้บริโภคหันไปใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้น

นายสมชัย กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 (ต.ค.50-พ.ค.51) รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 1,033,845 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 31,487 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.1%

กรมสรรพากรจัดเก็บได้รวม 820,631 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 44,083 ล้านบาท หรือ 5.7% ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมายคือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม, กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้รวม 194,980 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,791 ล้านบาท หรือ 0.9%

กรมศุลกากรจัดเก็บได้รวม 64,984 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,494 ล้านบาท คิดเป็น 11.1%, รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 69,163 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 14,556 ล้านบาท คิดเป็น 17.4% ขณะที่หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 52,501  ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,590 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.7

"แม้การจัดเก็บรายได้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 จะสูงกว่าประมาณการ 3.1% แต่คาดว่าแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ช่วง 4 เดือนหลัง อาจจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเหมือนช่วงแรกจากการออกมาตรการภาษีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ต่ำกว่าเป้าหมาย" นายสมชัย ระบุ   กระทรวงการคลัง ยังคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.495 ล้านล้านบาท