สำนักงานศุลกากรจีนคาดว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนมีแนวโน้มจะหดตัวลงในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสถิติที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายในและภายนอก รวมทั้งการส่งออกที่ถูกจำกัดและการนำเข้าที่สูงขึ้น

แถลงการณ์ของสำนักงานศุลกากรจีนเผยแพร่ออกมาไม่กี่วันหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ออกมาแสดงท่าทีไม่สนใจกับข้ออ้างในรายงานการวิจัยที่ว่า ปัจจัยภายนอกที่อ่อนตัวลงจะนำไปสู่ภาวะฮาร์ดแลนดิ้งทางเศรษฐกิจ และจีนควรจะผ่อนปรนด้านนโยบาย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนร่วงลง 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 5.80 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก โดยยอดเกินดุลการค้าที่หดตัวลงนั้นเกิดขึ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงในไตรมาส 1 แม้ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 10.6% ก็ตาม

ยอดส่งออกสุทธิ ซึ่งรวมถึงสินค้าและบริการนั้น มีสัดส่วนถึง 3% ในการทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวถึง 11.9% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนยอดเกินดุลการค้าที่อ่อนตัวลงบ่งชี้ว่า การส่งออกอาจจะหดตัวลงจากระดับการขยายตัวโดยรวมในปีนี้ และทำให้อัตราการขยายตัวโดยรวมชะลอตัวลง

สำนักงานศุลกากรไม่ได้ให้ตัวเลขคาดการณ์เรื่องยอดเกินดุลการค้าในปีนี้ และระบถึงเหตุผลที่อาจจะทำให้ยอดเกินดุลการค้าหดตัวลงในปีนี้ คือ การแข็งค่าที่รวดเร็วขึ้นของเงินหยวน, ผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ของสหรัฐที่ทำให้อุปสงค์ทั่วโลกและสหรัฐชะลอตัวลง, การปกป้องผลประโยชน์ที่สูงขึ้นทั่วโลก, ความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้นทำให้มีการผลิตภายในประเทศมากขึ้น และราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทำให้มูลค่าการนำเข้าสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน