นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เร่งวางมาตรการดูแลการให้บริการเติมน้ำมันแก่รถโดยสารของผู้ประกอบการรถร่วมฯ หลังจากเครือปตท.ยินยอมลดค่าน้ำมันดีเซลลง 3 บาท/ลิตร เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะต้องใช้น้ำมันประมาณ 8 แสนลิตร/วัน แบ่งเป็น น้ำมันสำหรับรถของ ขสมก.จำนวน 3.5 แสนลิตร/วัน และน้ำมันสำหรับรถร่วมฯ จำนวน 3.5-4.5 แสนลิตร/วัน

ขสมก.กำหนดให้รถร่วมฯ แต่ละสายเข้าไปเติมน้ำมันในอู่ที่รถร่วมฯ ประจำเขตอยู่ และจะเร่งสำรวจความต้องการว่ามีมากน้อยเพียงใด เพื่อประสานกับ บมจ.ปตท.(PTT) ให้จัดหาน้ำมันมาให้บริการอย่างเพียงพอ รวมทั้งได้กำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ นำน้ำมันราคาถูกไปจำหน่ายต่อ โดยจะจดทะเบียนรถที่มาเติมน้ำมันและปริมาณน้ำมันที่เติม พร้อมทั้งตรวจสอบปริมาณน้ำมันให้สอดคล้องกับขนาดของรถ

"ขสมก.เป็นเพียงคนกลางที่นำน้ำมันราคาถูกมาให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ใช้ ซึ่งต้องเพิ่มการทำงาน และประสานกับ ปตท.ในเรื่องการเพิ่มปริมาณน้ำมันที่ใช้ เพราะเดิมอู่ ขสมก.เตรียมไว้สำหรับรถโดยสารของ ขสมก.เท่านั้น แต่มั่นใจว่าอู่ ขสมก.ที่มีอยู่ 24 แห่ง จะเพียงพอรองรับการใช้บริการของรถร่วมทั้งหมดได้" นายพิเณศวร์ กล่าว

สำหรับมาตรการอุดหนุนน้ำมันลิตรละ 3 บาทนั้นจะช่วยลดภาระการขาดทุนของ ขสมก.ได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันได้ประมาณวันละ 1 ล้านบาท ส่วนการยกเว้นการเก็บค่าผลตอบแทนจากรถร่วมฯ จะทำให้ ขสมก.ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกประมาณวันละ 140,000 บาท

และวันนี้ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการรถมินิบัสเข้าใจใน 2 ประเด็น คือ การจัดเก็บผลตอบแทนรายได้ 100 บาท/คัน/วัน จะลดมาอยู่ที่ 35 บาท/คัน/วัน แต่จะยกเว้นการจัดเก็บในช่วงที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และการจัดหาน้ำมันดีเซลราคาถูกกว่าหน้าสถานีบริการลิตรละ 3 บาท

ด้านนายมุข พิชยมงคล ผู้ประกอบการรถมินิบัสสาย 20 กล่าวว่า พอใจกับมาตรการอุดหนุนน้ำมันราคาถูกในระดับหนึ่ง แต่เป็นการช่วยเหลือในระยะสั้นเท่านั้น หากอนาคตราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต้นทุนเดินรถก็เพิ่มขึ้นและประสบปัญหาขาดทุนซ้ำอีก สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยคือ ขอให้ปรับขึ้นค่าโดยสารจะดีกว่า สำหรับรถมินิบัส 1 คัน ใช้น้ำมันประมาณวันละ 40-50 ลิตร หากลดราคาน้ำมันให้ลิตรละ 3 บาท ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณวันละ 150 บาทเท่านั้น

ขณะที่ พ.ต.ท.ชาตรี เงินยวง ผู้ประกอบการรถมินิบัสสาย 40 กล่าวว่า มาตรการอุดหนุนน้ำมันราคาถูก เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด เพราะการกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องไปเติมน้ำมันที่อู่ ขสมก.มีความไม่สะดวก รถโดยสารต้องใช้เวลาในการเดินทางไปเติมน้ำมันเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 100 บาท ซึ่งก็ใกล้เคียงกับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ ปตท.ลดราคาให้ ทั้งนี้ต้องการให้กระทรวงคมนาคมเร่งยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้สามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้

สำหรับความต้องการใช้น้ำมันของผู้ประกอบการเอกชนนั้น รถโดยสารปรับอากาศจะใช้น้ำมันประมาณวันละ 120-150 ลิตร รถร้อนใช้น้ำมันวันละ 100-130 ลิตร เมื่อรัฐอุดหนุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับประกอบการได้ประมาณวันละ 300-450 บาท