เนื้อหาวันที่ : 2008-05-30 18:56:24 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1662 views

ซัมซุง เผยกล้องดิจิตอลไตรมาส 2-3 มุ่งทำตลาดในไทย มั่นใจอันดับหนึ่งไม่ไกลเกินฝัน

ซัมซุ งทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท สำหรับธุรกิจกล้องดิจิตอลในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ประมาณ 200,000 เครื่อง เล็งไต่ขึ้นสู่อันดับ 3 สิ้นปีนี้ เชื่อมั่นผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลการตอบรับดีจากผู้บริโภค

.

ซัมซุ งทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท สำหรับธุรกิจกล้องดิจิตอลในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ประมาณ 200,000 เครื่อง เล็งไต่ขึ้นสู่อันดับ 3 ของตลาดในด้านยอดขายให้สำเร็จภายสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ซัมซุงเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลจะได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค

.

ซัมซุงเร่งสร้างแบรนด์กล้องดิจิตอล ตอกย้ำก้าวสำคัญขึ้นสู่ความเป็นผู้นำตลาด รุกทำตลาดสร้างความผูกพัน (Bonding) ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย และผู้รักการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลที่ครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่มตั้งแต่มือสมัครเล่นจนถึงมืออาชีพ ส่งโปรโมชันคืนกำไรแก่ลูกค้าในไตรมาส 2-3 พร้อมสนับสนุนงานคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่สุดพิเศษแห่งปี 15th Anniversary BOYdPOD BitterSweet Once in a Lifetime Concert ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15-16 ก.ค.นี้ เผยยอดเพิ่มถึง 20% หลังดึงกล้องดิจิตอลมาทำตลาดเอง มั่นใจสิ้นปี ยอดขายทะลุ 200,000 เครื่องและขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 เตรียมขึ้นแท่นผู้นำตลาดประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2553 ด้วยส่วนแบ่ง 20% ตามเป้าหมาย

.

นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี หัวหน้ากลุ่มอุปกรณ์ภาพและเสียงแบบพกพา บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดกล้องดิจิตอลเมืองไทยปีนี้ มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วประมาณ 10% ในด้านจำนวนเครื่องจากยอดจำหน่ายประมาณ 900,000 เครื่องเป็นกว่า 1 ล้านเครื่อง เนื่องจากเป็นช่วงจุดเปลี่ยนของเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคต้องการเป็นเจ้าของ อีกทั้งราคาของกล้องดิจิตอลรุ่นมาตรฐานทั่วไปต่างมีราคาลดลงมากกว่าปี

.

นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี

หัวหน้ากลุ่มอุปกรณ์ภาพและเสียงแบบพกพา บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

.

ที่ผ่านๆ มา ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อกล้องใหม่หรือกล้องตัวที่สองที่มีเทคโนโลยีทันสมัยกว่าได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในตลาดกล้องสำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพ หรือ D-SLR (Digital Single Len Reflect) มีการขยายตัวของตลาดโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 5% ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ พากันขนสินค้ารุ่นใหม่ๆ เข้าต่อสู้แย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างแข็งขัน ทั้งการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เชือดเฉือนกันอย่างรุนแรง รวมไปถึงการสื่อสารการตลาดทั้งแบบอะโบฟเดอะไลน์และบีโลว์เดอะไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น"

.

"หลังจากได้นำผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลกลับมาทำตลาดเองในปีนี้ ซัมซุงได้สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 18 - 20% โดยในไตรมาสแรก ซัมซุงได้ใช้กลยุทธ์หลักด้วยการดึงจุดแข็งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เรามีอยู่เดิมในกลุ่มอุปกรณ์ ภาพและเสียง ที่ประกอบไปด้วยการจัดหน้าร้านที่ดึงดูดความสนใจ การมอบโอกาสให้ลูกค้าได้ทดลองใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงในการใช้งาน รวมไปถึงกิจกรรมและการสื่อสารการตลาดที่มีความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ

.

ซัมซุงได้ใช้โอกาสจากการเล็งเห็นถึงงการการเติบโตของธุรกิจดิจิตอลคอนเวอร์เจนซ์ ที่ซัมซุงมีความพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบดิจิตอลคอนเวอร์เจนท์ ทั้งทางด้านโซลูชั่นผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วน, ดิจิตอลคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ทำให้การนำกล้องดิจิตอลเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเองสามารถเอื้อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคและพันธมิตรทางธุรกิจได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการวางแผนกิจกรรมด้านการตลาดอีกมากมาย เพื่อสร้างกระแสการรับรู้และความผูกพันอันเหนียวแน่นระหว่างแบรนด์ซัมซุงกับผู้บริโภคชาวไทย" นายบุญสืบกล่าว

.

ไฮท์ไลต์ผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลซัมซุงจากกว่า 20 รุ่นในปีนี้ คือ ซัมซุง NV24HD ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลยุทธ์ โดดเด่นด้วยเลนส์มุมกว้างพิเศษอัลตร้าไวด์ 24 มม จาก Schneider-KREUZNACH ให้การถ่ายภาพคมชัดสมจริงอย่างง่ายดายด้วยความละเอียดกว่า 10.2 ล้านพิกเซล และซัมซุง i8 ผลิตภัณฑ์ตัวทำตลาดของซัมซุง โดยเป็นกล้องที่มีเทคโนโลยีเครื่องเล่นมัลติมีเดียเคลื่อนที่ (Portable Multimedia Player – PMP) เครื่องแรกของโลก สามารถฟังเพลง MP3 ชมภาพยนตร์ และมีฟังก์ชันพิเศษ World Tour Guide ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวครอบคลุมกว่า 4,500 สถานที่ใน 30 ประเทศทั่วโลก

.

ทั้ง 2 รุ่นนี้ประกอบด้วยระบบ Dual Stabilizer ป้องกันการสั่นสะเทือนและให้ภาพคุณภาพสมบูรณ์ สีสันสดใส คมชัด เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่รักการถ่ายภาพแบบสแน็ปช็อตที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย สำหรับช่างภาพมืออาชีพ ซัมซุงก็มี GX-20 DSLR ที่มีความละเอียดสูง 14.6 ล้านพิกเซล มาตอบรับความต้องการที่ไม่ธรรมดาของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอลในตัว (Built-in Optical Image Stabilization) เพื่อภาพถ่ายที่คมชัดยิ่งขึ้น

.

และสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศด้วยคุณสมบัติที่ป้องกันฝุ่นและความชื้น ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงต่างใช้สุดยอดเทคโนโลยีถ่ายภาพขั้นสูงซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นเองทั้งหมด จนได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก ล่าสุด กล้องดิจิตอลซัมซุง NV24HD เพิ่งได้รับรางวัลนวัตกรรมภาพถ่ายยอดเยี่ยมและรางวัลกล้องดิจิตอลมัลติมีเดียยอดเยี่ยมจาก TIPA, รางวัลกล้องดิจิตอลคอมแพ็คยอดเยี่ยมจาก EISA รวมไปถึงหลายๆ รุ่นที่ได้รับทั้งรางวัลทางด้านดีไซน์ผลิตภัณฑ์จาก Red Dot, IF และ D&AD ในปีที่ผ่านมา

.

นายบุญสืบกล่าวต่อไปว่า "ในปีนี้ เรามีการดำเนินกลยุทธ์ในด้านการขยายช่องทางการตลาดเต็มรูปแบบ เพื่อสามารถครอบคลุมช่องทางต่างๆได้อย่างครบถ้วน โดยเราจะมีการปรับปรุงการจัดแสดงสินค้าหน้าร้าน เทรนนิ่งพนักงานให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการแนะนำและสาธิตผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการบริหารระบบซัพพลายเชน หรือบริหารสต็อคสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด

.

 ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาด เรายังคงสานต่อการทำการสื่อสารการตลาด ผ่านกลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เพราะเราตระหนักดีถึงการสร้างความสุขให้กับลูกค้าคนสำคัญของเรา โดยเมื่อไม่นานมานี้ เราได้จัดแถลงข่าวการสนับสนุนคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ครบรอบ 15 ปีความร่วมมือทางดนตรีของบอย-โกสิยพงษ์ และป๊อด-ธนชัย อุชชิน 15th Anniversary BOYdPOD BitterSweet Once in a Lifetime Concert ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15-16 ก.ค.นี้

.

รวมถึงได้จัดโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับลูกค้าซัมซุงที่ซื้อกล้องดิจิตอล i8 สามารถดาวน์โหลดเพลงของบอยและป๊อด จากค่าย Love East ได้กว่า 60 เพลงผ่านทางเว็บไซต์ของซัมซุง และมีโอกาสได้รับบัตรคอนเสิร์ต BOYdPOD เมื่อนำ Serial Number ของสินค้ากล้อง i8 และ MP3 รุ่นใดก้ได้เข้าไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.samsung.co.th"

.

ซัมซุงทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาทสำหรับธุรกิจกล้องดิจิตอลในปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ประมาณ 200,000 เครื่อง และจะไต่ขึ้นสู่อันดับ 3 ของตลาดในด้านยอดขายให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ซัมซุงเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลจะได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภค นอกจากนี้ซัมซุงยังได้วางเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2553 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20%