ในประเทศไทยแรงงานนอกระบบซึ่งประกอบด้วย แรงงานในภาคเกษตร ผู้ผลิต เพื่อขาย ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ใช้แรงงานในภาคบริการต่างๆ หาบเร่แผงลอย และผู้ประกอบอาชีพอิสระอื่น ๆ มีจำนวนรวมถึง 22.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 62.1 ของกำลังแรงงานทั้งประเทศจำนวน 36.3 ล้านคน
สุนทรี หัตถี เซ่งกิ่ง มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ (Homenet) |
. |
ในประเทศไทยแรงงานนอกระบบซึ่งประกอบด้วย แรงงานในภาคเกษตร ผู้ผลิต เพื่อขาย ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ผู้ใช้แรงงานในภาคบริการต่างๆ หาบเร่แผงลอย และผู้ประกอบอาชีพอิสระอื่น ๆ มีจำนวนรวมถึง 22.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 62.1 ของกำลังแรงงานทั้งประเทศจำนวน 36.3 ล้านคน |
. |
แรงงานนอกระบบในประเทศไทย ต้องเผชิญกับการถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานในหลายประการ อันได้แก่ งานที่ทำขาดความมั่นคง ไม่ได้รับค่าตอบแทนแรงงานที่เป็นธรรม งานที่ทำมีความเสี่ยงและมีอันตรายต่อสุขภาพ เข้าไม่ถึงกองทุนประกันสังคมและบริการอื่น ๆ ของรัฐ และไม่สามารถใช้สิทธิในการรวมตัวต่อรอง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ได้ให้การคุ้มครองครอบคลุมไปถึงแรงงานนอกระบบ |
. |
ในขณะที่กฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานรับไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2547 และกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานเกษตรกรรม พ.ศ. 2548 ไม่ได้ให้การคุ้มครองที่เพียงพอ และไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง และการผลักดันพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้านยังไม่บรรลุผล จึงสรุปได้ว่าปัจจุบันยังมิได้มีกฎหมายเฉพาะใดๆ ที่จะให้การคุ้มครองแรงงานนอกระบบอย่างสมเหตุสมผลและเพียงพอ |
. |
ข้อเสนอการขยายประกันสังคมมาสู่แรงงานนอกระบบของเครือข่ายแรงงานนอกระบบ |
เครือข่ายแรงงานนอกระบบได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ที่จะให้มีการขยายการ |
ประกันสังคมมาสู่แรงงานนอกระบบ และได้จัดทำชุดข้อเสนออย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2548 โดยมีรายละเอียด คือ |
|
. |
การเตรียมการขยายประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบของสำนักงานประกันสังคม |
จากการเรียกร้องอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายแรงงานนอกระบบ ทำให้สำนักงานประกันสังคม มีการเตรียมการที่จะขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคมเดิม มาตั้งแต่ปี 2548 และได้มีการตั้งอนุกรรมการมาแล้ว 2 ชุด คือ 1) คณะอนุกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ และ 2) คณะอนุกรรมการเตรียมการขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ ตามลำดับ โดยมีตัวแทนของ Homenet อยู่ในคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุดดังกล่าว |
. |
ซึ่งอนุกรรมการได้ดำเนินการยกร่างชุดสิทธิประโยชน์ และอัตราการจ่ายเงินสมทบของแรงงานนอกระบบที่จะเข้าสู่กองทุน โดยรับฟังความคิดเห็นบางส่วนจากเครือข่ายแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีการยกร่างมาแล้วหลายร่าง ยกร่างฉบับที่หนึ่ง มีรายละเอียดที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานของประกันสังคมอยู่หลายประการ เนื่องมาจากอิทธิพลของฝ่ายการเมืองที่มีต่อการกำหนดนโยบาย เช่น |
. |
1) การให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบโดยสมัครใจ ที่มีแนวโน้มจะเกิดความเสี่ยงว่าแรงงานนอกระบบกลุ่มที่ไม่มีความแข็งแรงทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่จะเห็นความสำคัญของการเข้าสู่ระบบ 2) แรงงานนอกระบบเท่านั้นที่จะจ่ายเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคม รัฐและผู้ว่าจ้าง/เจ้าของงานไม่ร่วมจ่ายสมทบ และ 3) จะเริ่มดำเนินการในประเด็นชราภาพก่อน โดยมีลักษณะเพียงการจัดการเงินออมของกลุ่มแรงงานนอกระบบ ทั้งที่ความเป็นจริงแรงงานนอกระบบมีความเสี่ยงในเรื่องอื่นๆ เช่นเดียวกันกับผู้ใช้แรงงานในระบบ |
. |
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อกันยายน 2549 เปิดโอกาสให้คณะ อนุกรรมการชุดที่ 2 ได้พัฒนายกร่างชุดสิทธิประโยชน์ฉบับล่าสุด ที่มีรายละเอียด คือ 1) เห็นสมควรที่จะให้แรงงานนอกระบบทุกคนเข้าสู่ระบบ ตามหลักการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข 2) การจ่ายเงินสมทบเข้าสู่กองทุนตามฐานรายได้ (ประมาณ ร้อยละ 4.5-5 ของรายได้ ) ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเริ่มจากการศึกษาเพื่อจัดทำประมาณการรายได้ของแรงงานนอกระบบแต่ละกลุ่ม 3) รัฐบาลร่วมจ่าย 4) คุ้มครองสิทธิประโยชน์ 4 ประการ คือ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ และ ตาย โดยมีแนวคิดที่จะคุ้มครองเรื่องการขาดรายได้อันเนื่องมาจากการเจ็บป่วย การคลอดบุตร ซึ่งนับเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างก้าวหน้า |
. |
แต่สำนักงานประกันสังคมก็ยังคงมีความกังวล ในเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องร่วมสมทบ การอยู่ได้ของกองทุน และความสะดวกในการบริหารจัดการกองทุน ทำให้ 1) ยังไม่อยากคุ้มครองสิทธิประโยชน์ในปัญหาการว่างงาน และ 2) จะเริ่มนำร่องในกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจ และมีการรวมตัวที่ชัดเจนก่อน 6 กลุ่ม เช่น สหกรณ์ผู้ขับรถแท็กซี่ มัคคุเทศก์ เป็นต้น |
. |
สิทธิของแรงงานนอกระบบที่ปรากฏรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และในนโยบายของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน |
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 กล่าวไว้ใน ส่วนที่ 7 แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ มาตรา 84 รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจดังต่อไปนี้ |
. |
(7) ส่งเสริมให้ประชากรวัยทำงานมีงานทำ คุ้มครองแรงงานเด็กและสตรี จัดระบบแรงงานสัมพันธ์และระบบไตรภาคีที่ผู้ทำงานมีสิทธิเลือกผู้แทนของตน จัดระบบประกันสังคม รวมทั้งคุ้มครองให้ผู้ทำงานที่มีคุณค่าอย่างเดียวกันได้รับค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการที่เป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ |
. |
และ ส่วนที่ 6 สิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ มาตรา 44 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับหลักประกันความปลอดภัยและสวัสดิภาพในการทำงาน รวมทั้งหลักประกันในการดำรงชีพทั้งในระหว่างการทำงาน และเมื่อพ้นภาวะการทำงาน ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ |
. |
นโยบายของ รัฐบาล และ รมต.กระทรวงแรงงานปัจจุบัน |
ตามที่รัฐบาลปัจจุบันได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2008 นั้น มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบ ใน นโยบายที่รัฐบาลจะดำเนินการในช่วงระยะเลา 4 ปี |
. |
ข้อ 1 นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต |
1.2 นโยบายด้านแรงงาน |
(3) ให้การคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานแรงงานไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำงานและสวัสดิการแรงงาน พร้อมทั้งจัดระบบการคุ้มครองให้แก่แรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมมากขึ้นและ รมต.กระทรวงแรงงานปัจจุบัน ได้ให้นโยบายแก่ข้าราชการกระทรวงแรงงาน ว่า การพัฒนาด้านแรงงานของกระทรวงแรงงาน ต้องคำนึงถึงมาตรฐานแรงงาน ของ ILO ควบคู่ไปด้วย |
. |
โดยเฉพาะหลักการ Decent Work และมีนโยบายแรงงานนอกระบบ เป็นนโยบายข้อ 6 ในจำนวนนโยบายทั้งหมด 16 ข้อ ระบุว่า ขอให้เร่งดำเนินการให้แรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองดูแลในเรื่องสิทธิ สวัสดิการ และผลประโยชน์ตอบแทนการทำงานที่เหมาะสม เท่าเทียมกับแรงงานในระบบ ด้วยการพิจารณาขยายการประกันสังคมออกไปยังกลุ่มอาชีพต่าง ๆ |
. |
โครงการขยายการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ ของสำนักงานประกันสังคมปัจจุบัน |
ในปี 2551 นี้ โครงการขยายการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ ของสำนักงานประกันสังคมประกาศที่จะกลับไปเริ่มที่มาตรา 40 ใน พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 (ฉบับเดิม) ซึ่งเป็นมาตราที่เปิดไว้สำหรับการประกันตนโดยสมัครใจของผู้ที่ไม่ใช่ลูกจ้างตามคำจำกัดความ ของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบ 3,360 บาทต่อปี เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองในกรณี เสียชีวิต ทุพพลภาพ และการคลอดบุตร เท่านั้น |
. |
โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรกคือผู้ขับขี่แท็กซี่ ซึ่งนอกจากจะไม่ตอบสนองปัญหาที่เป็นจริงและความต้องการของกลุ่มแรงงานนอกระบบแล้ว ยังทำให้การทำงานร่วมกันที่ผ่านมาระหว่างสำนักงานประกันสังคมและภาคประชาชนในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาสูญเปล่า ซึ่งคงไม่สามารถสรุปเป็นอื่นได้นอกจากการทำงานแบบ "ขอไปที" หรือ "สักแต่ว่าทำ" อีกครั้งหนึ่งของสำนักงานประกันสังคม |
. |
เมื่อประกอบกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ใช้แรงงานที่มีต่อการบริหารงานของสำนัก งานประกันสังคมมาโดยตลอดว่า บริหารกองทุนประกันสังคมโดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นเจ้าของและผลประโยชน์ที่แท้จริงของผู้ใช้แรงงาน นำมาซึ่งข้อเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างการบริหารกองทุนประกันสังคม ซึ่งนับเป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุผลอย่างยิ่ง !!! |
. |
หมายเหตุ |
บทความนี้เขียนเนื่องในงานมอบรางวัลศาสตราจารย์นิคม จันทรวุทุร ประจำปี 2550 ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551 ศาสตราจารย์นิคม จันทรวุทุร นับเป็นปูชนียบุคคลด้านแรงงาน และเป็นผู้วางรากฐานการประกันสังคมในประเทศไทย |
. |
ที่มา : http://thaingo.org/writer/view.php?id=749 |