ภาพประกอบจากเว็บไซต์ http://www.nationsiam.com

สศค. ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยในเดือน เม.ย.51 ยังขยายตัวได้ดีไม่มีสัญญาณการชะลอตัว โดยเครื่องชี้สำคัญอย่างการบริโภค การลงทุน และการส่งออก ยังเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง  คาดมีการปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงในด้านราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ และ สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่ง สศค.จะนำมาพิจารณาในการทบทวนคาดการณ์เศรษฐกิจปี 51 ตามกำหนดในเดือนมิ.ย.นี้  โดยคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ปัญหาการเมืองตอนนี้ถือเป็นปัจจัยใหม่ เพราะเดิมเคยคาดว่าหลังจากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การเมืองน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว แต่ขณะนี้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งสศค.เห็นว่าเรื่องนี้ขึ้นกับจิตสำนึกและผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองที่จะแก้ปัญหา เพราะระยะยาวจะกระทบกับความเชื่อมั่นและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

ส่วนประเด็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อนั้น ในเดือนเม.ย.อัตราเงินฟ้อเร่งตัวขึ้นมาที่ 6.2% ส่วนจะยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ อยู่ที่ราคาน้ำมันและราคาอาหาร แต่ขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบเดียวกัน มีเพียงประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ยังสามารถอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศได้ เช่น บรูไนหรือมาเลเซีย ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศเหล่านี้ยังอยู่ในระดับ 2-4% อย่างไรก็ตาม มองว่าอัตราเงินเฟ้อของภูมิภาคอาเซียนในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 6%

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยนั้นในอดีตเคยขึ้นไปสูงสุด 5% กว่า ซึ่งจะเป็นระดับชี้วัดให้รัฐบาลเข้ามาบริหารจัดการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับเหมาะสม โดยประเทศที่กำลังพัฒนาควรจะมีระดับอัตราเงินเฟ้อไม่เกิน 3-5%

นางพรรณี กล่าวว่า สศค.จะมีประเมินสมมติฐานราคาน้ำมันอีกครั้งในดือนมิ.ย.นี้ว่าเฉลี่ยทั้งปีควรจะอยู่ที่ระดับเท่าใด เนื่องจากมีหลายองค์กรคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 90-100 เหรียญ/บาร์เรล หรือมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นไปกว่านั้น โดยจะการติดตามตัวเลขและมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยเสี่ยง แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจบ้างคือการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในระยะนี้ โดยในเดือนเม.ย.เศรษฐกิจเครื่องบ่งชี้ต่าง ๆ ยังเห็นว่าขยายตัวได้ดี ทั้งการลงทุน บริโภคและส่งออก หลังจากที่ไตรมาสแรกเศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 6% แม้จะยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง แต่ไม่ควรมองเค่เดือนเดียวควรติดตามอีก 1-2 เดือน